Goooooogle Analytics

fancyfish

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ปลาทอง ซีทรู gold fish

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,>HTML clipboard“ปลาทองซีทรู” ใสทะลุถึงอวัยวะภายใน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ธันวาคม 2552 16:58 น.


ปลาทองซีทรู สัตว์น้ำพันธุ์ใหม่ที่จะช่วยให้ไม่ต้องชำแหละเพื่อการศึกษา

เอเอฟพี - หลังจากครั้งแรกที่ค้นคว้า และสร้างกบซีทรูได้ นักวิจัยญี่ปุ่นก็ยังประสบความสำเร็จในการผลิตปลาทอง ที่สามารถมองเห็นการเต้นของหัวใจทะลุผ่านเกล็ด และหนังที่โปร่งใสได้อีกครั้ง

สัตว์โปร่งใสเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความจำเป็นใน การผ่าชำแหละสัตว์เหล่านั้น ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโรงเรียนต่างๆ “คุณสามารถเห็นหัวใจเต้น และอวัยวะอื่นๆได้ เนื่องจากเกล็ด และหนังปลาไม่มีเม็ดสี” ยูตากะ ทามารุ รองศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยมิเอะกล่าว “คุณไม่จำเป็นต้องผ่าชำแหละมัน คุณสามารถเห็นสมองเล็กๆเหนือตาสีดำของปลาทองได้เลย”

ทีมนักวิจัยร่วมของมหาวิทยาลัยมิเอะ และนาโกยา สร้างปลาทองริวกินโปร่งแสง จากการเลือกไข่ปลาทอง ที่หนังไม่มีสี และเพาะพันธุ์มันขึ้นมา โดยปลาซีทรูเหล่านี้น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ราวๆ 20 ปี และเติบโตได้มากสุด 25 เซนติเมตร หนัก 2 กิโลกรัม ซึ่งจะใหญ่กว่าปลาทั่วไป ที่ใช้ในการทดลอง เช่น ปลามังกร หรือปลาเมดากะของญี่ปุ่น
ด้านทีมนักวิจัยอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกาศว่าสามารถพัฒนากบซีทรูได้ในปี 2007 เผยว่า พวกเขามีแผนจะเริ่มขายเจ้าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 4 ขา ที่มีหนังโปร่งใสตั้งแต่ระยะที่เป็นลูกอ๊อด ภายในครึ่งปีแรกของปีหน้า ให้แก่ห้องทดลอง และโรงเรียนใช้ในการศึกษาวิจัย รวมถึงขายเป็นสัตว์เลี้ยง ในราคาที่คาดว่าไม่น่าจะเกิน10,000 เยน หรือ ไม่เกิน 3,700 บาท

พอดีผมเห็นข่าวนี้ก็เลยเอามาลงกันให้อ่านครับเพื่อใครบางคนอาจจะไม่เคยได้อ่านข่าวนี้ แต่ตอนเด็กๆผมอยู่ต่างจังหวัดปลาตัวใสๆเห็นก้างนี่มีเยอะครับ ผมเรียกปลาคาบของ หรือแม้นแต่ปลาก้างพระร่วงก็ตัวใสนะ แล้วปลาตัวใสแบบนี้ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของยีนด้อยมากกว่า หมือนพวกปลาบางชนิดที่ยีนสีด้อย อย่างปลากัดก็มี สีแนวๆนี้ล่ะครับ เราเรียกกันว่าปลากัดแฟนซี แต่ตัวนี้เขาเรียกหรูกว่าเราว่าเป็นปลาซีทรู แต่ดูๆไปก็สวยดีครับ แต่จะขายตั้ง3,700 มันน่าจะทำเป็นโตซากิ้นซีทรูนะครับคุณพี่ยูกาตะ ทามารุ

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การเพาะเลี้ยงปลาหน้าหนาว

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,

การเพาะเลี้ยงปลาหน้าหนาว




การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม




การเพาะเลี้ยงปลาสวยงามโดยปกติแล้วเรามักไม่นิยมเพาะปลาในช่วงหน้าหนาวเพราะว่ามักจะไม่ค่อยผสมพันธุ์หรือหากมีการผสมพันธุ์ลูกปลาที่ออกมาก็มักจะไม่ค่อยแข็งแรงและมีโอกาสรอดน้อยกว่าปกติ
อีกทั้งในช่วงเดือน
พย.-มค.นี้อากาศในต่างประเทศทางแถบยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นตลาดปลาสวยงามที่ใหญ่ที่สุดจะมีอากาศหนาวเย็นดังนั้นยอดการสั่งออเดอร์ก็จะลดลงไปด้วยแต่หลังจากนั้นก็จะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นปัญหาจึงมักเกิดกับผู้ที่ทำธุรกิจเพาะเลี้ยงปลาสวยงามและการส่งออกปลาสวยงาม
เพราะต้องเตรียมปลาไว้เพื่อให้สามารถส่งได้ตามออเดอร์ที่จะเข้ามา
แต่ว่าผู้เพาะเลี้ยงเองก็ไม่สามารถผลิตจำนวนปลาได้มากเพียงพอกับความต้องการของตลาดเพราะเป็นช่วงหน้าหนาว



แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้คุยกับคุณนธี อุปนายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาปลากัดสยาม
และเป็นคนแรกที่พัฒนาสายพันธุ์ปลากัดยักษ์จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกเวลานี้
โดยคุณนธีได้มาใช้และปคุยถึงปัญหาดังกล่าวว่า
เป็นปัญหาที่ตัวคุณนธีเองก็เคยประสบมาเหมือนกันแต่ก็ได้หาวิธีการแก้ไขมาโดยตลอด
และวิธีที่คุณนธีนำมาใช้และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
นั่นก็คือการควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้พอเหมาะกับสภาพของการผสมพันธุ์ปลากัด
โดยใช้หลอดไฟนีออนในการเพิ่มอุณหภูมิของน้ำในบ่อ
เพราะทั่วไปผู้ที่เพาะเลี้ยงปลากัดรวมถึงปลาสวยงามชนิดอื่นๆมักจะใช้รองปูนในการเลี้ยงปลา
โดยวิธีการคือคุณนธีจะเอาหลอดไฟมาต่อแล้ววางไว้ข้างขอบบ่อในช่วงกลางคืน
เมื่อปูนได้รับความร้อนจากหลอดไฟก็จะทำให้อุณหภูมิของน้ำในบ่ออุ่นขึ้นทำให้อัตราการผสมพันธุ์และการรอดของลูกปลาเพิ่มขึ้น
และสามารถอนุบาลลูกปลาให้โตทันจับขายได้พอดีกับช่วงความต้องการของตลาดในช่วงปลายเดือนมกกราคม

กล่องโพมสำหรับอนุบาลลูกปลา
แต่หากท่านใดคิดว่ามันสิ้นเปลืองผมก็มีอีกวิธีซึ่งก็ได้ผลเหมือนกันนั่นคือใช้วัสดุอย่างกล่องโพมก็พอได้ครับแต่อัตราการรอดก็คงจะน้อยกว่าแบบแรก
สำหรับวิธีการที่ผมเอามาเล่าให้ฟังน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังคิดจะเพาะปลาหน้าหนาวแม้บางคนอาจจะบอกว่ามันเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่หากทำธุรกิจเราก็คงต้องพร้อม
เสมอกับความต้องการของลูกค้า




ประกาศขอความช่วยเหลือดนิดหนึ่งครับตอนนี้ผมกำลังจะเปิดเวปไซด์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบปลาสวยงามโดยเฉพาะที่www.thaifancyfish.com
เพื่อนท่านใดมีเรื่องราวดีๆในการเลี้ยงปลาหรือรูปปลาสวยๆอยากจะเล่าจะโชว์ก็ส่งมาให้ผมบ้างก็ได้นะครับที่เมล์ของผม
หรือจะไปโพส์ไว้ในกระทู้ของเวปก็ได้ เพราะผมไม่ใช่ผู้เก่งกาจอะไรจึงต้องการคนเก่งมาช่วยกันครับ
มาช่วยกันนะครับเพื่อพัฒนาวงการปลาสวยงามของไทย

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปลาตู้สวยงาม อนาคตที่รอการสนับสนุน

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,


ปลาสวยงามอนาคตที่รอการสนับสนุน


ปลาสวยงาม
ปี2552กำลังจะผ่านไป ตลาดปลาสวยงามของไทยยังคงไม่หวือหวาเหมือนเช่นเคยเพราะขาดการ
สนับสนุนจากภาครัฐและการขาดความรู้ในเรื่องของการพัฒนาสายพันธุ์ปลาสวยงามของผู้เพาะเลี้ยงเองด้วยแม้นว่าผู้ที่เพาะเลี้ยงปลาสวยงามบางคนจะมีความรู้และพยามพัฒนาสายพันธุ์ปลาเพื่อให้สามารถจำหน่าย
ได้แต่ก็ยังติดปัญหาในหลายๆด้าน โดยเฉพาะแหล่งของเงินทุน
และตลาดที่จะจำหน่ายแม้นจะมีบริษัทหลายแห่งที่รับซื้อปลาสวยงามเพื่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศแต่ก็เรียกกันว่ากดราคาจนผู้เพาะเลี้ยงหน้ามืด
ผู้เพาะเลี้ยงบางคนก็หาทางออกโดยการหาตลาดต่างประเทศเองแต่บางครั้งก็มีปัญหาเรื่องของการขนส่งปลาออกไปต่างประเทศนอกจากนั้นปัญหาที่เป็นปัญหาหลักของคนไทยนั่นก็คือเรื่องของภาษาอังกฤษ
ทำให้บางครังเกิดคนคลาดเคลื่อนในการสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ
อีกทั้งช่องทางการค้าก็ถูกบีบด้วยเรื่องคุณภาพและมาตราฐานของปลาที่เราต้องส่งและอีกเรื่องคือความซื่อสัตย์ของผ้เพาะพันธุ์ปลาชาวไทยเองเราไม่สามารถแข่งขันกับใครได้หรอกครับหากเราไม่ซื่อสัตย์แม้นกับความคิดของเราเองต่อไปนี้ผมขอเขียนเรื่องหนักๆเพื่ออธิบายถึงธุรกิจเพาะพันธุ์ปลาสวยงามการเพาะพันธุ์ปลาสวยงามนั้นผมคิดว่าความสารถในการเพาะพันธุ์คนไทยไม่เป็นรองใครในโลกใบนี้
แต่ที่คนไทยเรามักจะมีปัญหากลับเป็นเรื่องของการศึกษา
การที่คนไทยไม่นิยมศึกษาหรืออ่านหนังสือแต่นิยมจะใช้คำว่าครูพักลักจำมากกว่า
และมื่อเกิดปัญหาเราจึงมักจนด้วยเกล้าไม่รู้จะแก้ไขกันยังไงและในช่วงที่ผ่านมาการเร่ง
การผลิตเพียงเพื่อปริมาณที่มากโดยความคิดดั้งเดิมว่าถึงราคาจะถูกก็ได้กำไรเยอะเพราะไดปริมาณความ
คิดที่ผมเองพยามคัดค้านมาโดยตลอดเพราะเราต้องคิดว่าเราไม่ใช่ผู้เดียวที่เพาะพันธุ์ปลาสวยงามแต่ยังมีอีกหลายประเทศที่เขาก็ทำธุรกิจด้านนี้อยู่
และหากเราคิดจะแข่งเพียงเรื่องราคาสุดท้ายไม่เราก็เขาเจ๊งหรือไม่ก็กอดคอกันเจ๊ง
อย่าลืมว่าปลาสวยงามเป็นสิ่งมีชีวิตเขามีวงจรอายุเมื่อตายผู้เลี้ยงก็ย่อมจะต้องหามาเลี้ยงเพิ่มเติมและแน่นอนเขาก็อยากได้สินค้าที่มีคุณภาพเพราะปลาตู้สวยงามนั้นในบางครั้งมันก็เป็นสื่อที่โชว์ถึงฐานะและรสนิยมของผู้เลี้ยงแน่นอนว่าคนทุกคนย่อมอยากแสดงว่าตัวเองเป็นคนมีระดับกันทั้งนั้นแล้วคนมีระดับย่อมอยากจะได้สิ่งที่ดีมีระดับคุ้มค่าและสมราคาที่เขาต้องจ่ายการต่อสู้ในโลกของธุรกิจไม่ว่าจะด้านไหนล้วนแต่ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าไม่ใช่จะ
ยัดเยียดอะไรก็ได้ให้กับลูกค้าเพราะเมื่อลูกค้ามีทางเลือกเขาก็ย่อมเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด
และทุกวันนี้โอกาสเป็นของผู้
ซื้อและย่อมมีสิทธิ์เลือกแล้วผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามพวกคุณกำลังทำอะไร?



ปลาตู้สวยงาม

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การเลี้ยงปลาตู้สวยงาม ตอน ตู้ปลาสวยงาม

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,

เป็นเรื่อน่าอายมากที่ผมไม่เข้ามาปรับปรุง Blog
ตั้งนานเพราะมัวแต่ทำงาน
จนไม่ได้เข้ามาปรับปรุงบล็อก
แต่พอมาเช็คจำนวนผู้เยี่ยมชม...ตายๆๆอายจริงๆเพราะมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมซ้ำเยอะมาก
โฮ่ๆๆไม่อยากแก้ตัวแต่ก็ต้องแก้ตัวว่า"งานมันเยอะครับ "



fish tank ปลาตู้สวยงาม

วันนี้ขอคุยเรื่องของการดูแลตู้ปลาสวยงามของเราให้ใสสะอาดปิ๊งๆ
ปลาตู้สวยงามของเราจะได้มีสุขภาพดีๆจิตใจแจ่มใสสีสันสวยงามบาดบาดใจเพื่อนๆที่มาเที่ยวบ้านเราและช่วงนี้อากาศมันเพี้ยนๆเพราะโลกใบนี้ที่เราอาศัยอยู่มันกำลังเดือดปุดๆ
โลกร้อนเพราะคนเราไม่ยอมช่วยกันดูแลธรรมชาติ
ผมได้แต่หวังนะครับว่าคนที่ชอบเลี้ยงปลาจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงตรงนี้และช่วยกันบอกต่อให้คนอื่นๆได้ช่วยกันดูแลรักษาสภาวะของโลกอย่าให้โลกร้อนไปกว่านี้ครับ
นี่ไม่นอกเรื่องนะครับหากเราช่วยกันดูแลเรื่องโลกร้อนเท่ากับเราก็รักธรรมชาติอย่าให้ความมักง่ายของเรามาทำลายธรรมชาติที่สวยงามเลยครับ


สำหรับปลาตู้สวยงามนั้นก่อนอื่นเราต้องเข้าใจและคิดเสมอว่าตู้ปลานั้นไม่ใช่เพียงบ้านหลังเล็กๆสำหรับปลาสวยงามของเรา
เพราะบ้านของปลาสวยงามนั้นต้องมีความสวยงามและมีบรรยากาศใกล้เคียงกับธรรมชาติให้มากที่สุด
เพราะบ้านของปลาคือธรรมชาติและเรากำลังเขามาขังเอาไว้ในธรรมชาติจำลองตู้ปลาสวยงาม



เมื่อตอนที่ผมเองเริ่มเลี้ยงปลาสวยงาม ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องของตู้ปลามากนัก
เพราะคิดว่าตู้ปลามันก็เหมือนกันใช้เลี้ยงปลาอะไรแบบไหนก็ได้
ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่ามันไม่ถูกต้องหากเราต้องการเลี้ยงปลาตู้สวยงามเราควรต้องให้ความใส่ใจเรื่องบ้านของปลามากกว่าที่เราคิด
ไว้มากพอสมควร



ประการแรกในการจะเลี้ยงปลาสวยงามเราต้องคิดก่อนว่าเราจะเลี้ยงปลาอะไร
เมื่อคิดได้แล้วเราต้องหาข้อมูลของปลาสวยงามที่จะเลี้ยง
เพราะปลามีหลายสายพันธุ์และมีนิสัยที่ต่างกัน
เมื่อเราได้ข้อมูลของปลาที่จะเลี้ยงแล้วจึงค่อยหาตู้เลี้ยงปลา
ผมเน้นครับว่าหาตู้เลี้ยงปลา ไม่ใช่หาปลาก่อนนะครับ หาตู้มาก่อน...


หลังจากที่ได้ตู้มาก็ให้นำตู้ปลามาทำความสะอาด
เพราะตู้อาจจะสกปรกมีเชื้อโรคที่ไม่เป็นมิตรกับปลาแอบแฝงอยู่
ดังนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะใส่น้ำทิ้งไว้เพื่อตรวจดูว่าตู้ใบที่ซื้อมานั้นมันรั่วหรือซึมตรงไหนบ้าง(หากรั่วซึมจะได้นำไปเปลี่ยนกับทางร้าน)
เมื่อจัดการตู้ปลาเสร็จก็มาดูพวกอุปกรณ์ตบแต่งตู้ปลา
เพราะอุปกรณ์ที่ซื้อมาเราต้องนำมาล้างหรือแช่น้ำด่างทับทิมไว้เพื่อฆ่าเชื้อโรคแอบแฝงให้หมดก่อนที่จะนำลงไปประดับตบแต่งตู้ปลาสวยงามของเรา
หลังจากตบแต่งติดตั้งระบบกรองน้ำปลาตู้สวยงามต่างๆแล้วก็ให้นำไปตั้งในจุดที่เราต้องการโชว์ตู้ปลาสวยงามใบเก่งของเราก่อนใส่น้ำเข้าไป
อย่าใส่น้ำก่อนเคลื่อนย้ายตู้นะครับเพราะมันอาจจะหนัก ฮี่ๆๆ ผมเคยซื่อบื้อมาแล้ว



เอาล่ะครับเมื่อทุกอย่างพร้อมตู้ปลาพร้อมใส่น้ำพร้อมก็ให้ทำใจเย็นๆอีกสัก2-3วัน
จึงค่อยเอาปลาสวยงามมาปล่อยลงไป ว้าว...เท่านี้เอง
และหลังจากนี้เราก็ต้องมาคอยดูแลทำความสะอาดตู้ปลาของเราเป็นระยะๆนะครับอย่าปล่อยให้สกปรก
เพราะสิ่งสกปรกอาจจะมีเชื้อโรคที่พร้อมจะเล่นงานปลาสวยงามของเราให้กลายเป็นปลาขี้โรคเนื้อเปื่อยได้
ดังนั้นเมื่อเราเลี้ยงไปสักระยะให้เปลี่ยนน้ำอาทิตย์ละครั้งก็ยังดีครับ
ไม่ต้องเปลี่ยนที่เยอะๆจนหมดตู้หรอกครับเพียงถ่ายน้ำเก่าออกบางส่วนแล้วเติมใหม่เข้าไป
เราต้องไม่ลืมว่าน้ำในตู้ปลาของเรามันไม่ได้หมุนเวียนแม้นเราจะมีระบบกรองที่ดีก็ตาม
แต่เชื้อโรคที่อยู่จากของเสียต่างๆในตู้ปลาก็ไม่ได้หายไปไหน
ดังนั้นการถ่ายน้ำใหม่จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ปลาสดชื่น
มีสีสันสวยงามและปราศจากเชื้อโรค
ส่วนการเปลี่ยนน้ำทั้งตู้ก็ให้ทำเมื่อน้ำมันสกปรกมากจริงๆ
ผมไม่พูดกำหนดระยะเวลาเพราะว่าปลาที่ทุกคนเลี้ยงองค์ประกอบต่างๆอาจจะไม่เหมือนกัน
ขอให้ใช้ความสังเกตเอาครับหากมันดูแย่ก็ควรจะเปลี่ยนน้ำทั้งตู้
สำหรับการเปลี่ยนน้ำตู้ปลาสวยงามทั้งตู้นั้นอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับตู้ที่มีขนาดใหญ่
หากเปลี่ยนเองไม่ได้ก็ใช้บริการของมืออาชีพดีกว่าครับ

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

เกลือกับปลา สิ่งที่นักเลี้ยงปลาควรรู้

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,


เกลือกับปลา สิ่งนักเลี้ยงปลาควรรู้



Image Hosted by Upload.TARAD.comนักเลี้ยงปลาสวยงามบางคนเลี้ยงปลาด้วยความเชื่อผิด ๆ
เชื่อเพราะว่าเป็นเรื่องที่บอกต่อ ๆ กันมา โดยไม่ได้ไตร่ตรองเหตุผล
แล้วก็นำไปปฏิบัติอย่างผิด ๆ บางครั้งก็ขัดกับหลักวิชาการ
ก่อให้เกิดผลเสียกับปลาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
หรืออีกอย่างหนึ่งเรียกว่าเป็นการทารุณปลาโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น
การแช่ปลาในน้ำเกลือเข้มข้น หรือการใส่เกลือลงในบ่อเลี้ยงปลาเป็นประจำ
บางคนนำปลาในบ่อที่ไม่ได้เจ็บป่วยขึ้นมาจากบ่อเลี้ยง นำมาแช่เกลือเดือนละ 1-2 ครั้ง
นานประมาณ 30 วินาที มีผลทำให้ปลาแสดงอาการทุรนทุราย
โดยอ้างเหตุผลว่าการทำเช่นนั้นเป็นการล้างตัวปลาให้ปลอดจากเชื้อโรค
หรือบางคนก็อ้างว่าทำให้ปลาผิวพรรณดี

เกลือเปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านของผู้เลี้ยงปลาสวยงาม เพราะราคาถูก
แต่มีประโยชน์มาก เช่น ช่วยลดความเครียดให้ปลา ทำให้ปลาสดชื่น
ทำให้พิษของแอมโมเนียในน้ำลดลง และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคบางชนิดอีกด้วย
แต่ถ้าใช้อย่างผิด ๆ ก็เหมือนดาบสองคมที่จะย้อนมาทำลายปลาได้เหมือนกัน

ผลเสียที่นำปลามาแช่น้ำเกลือ เช่น การแช่ปลาในน้ำเกลือที่มีค่าความเค็มมากกว่า
20 ppt ขึ้นไปมีผลเสียต่อปลา คือ ความเค็มของเกลือเข้มข้นจะทำลายเซลล์ผิวของปลา
ทำให้ปลาสูญเสียเมือก ซึ่งเป็นเกราะช่วยป้องกันโรค เหงือกปลาจะฉีกขาดมีเลือดซึมและ
อาจจะทำให้ปลาตายได้

เรารู้ได้อย่างไรว่าเราต้องใช้เกลือเมื่อไหร่
ทางวิชาการเราอาจต้องใช้เกลือในการรักษาปลาที่มีบาดแผลบริเวณลำตัว เช่น
การตกเลือดที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการติดเชื้อโปรโตซัวบริเวณบาดแผล
สามารถรักษาได้โดยแช่ปลาในน้ำเกลือที่มีความเค็มประมาณ 3-5 ppt จนกว่าแผลจะหาย
และยังช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและโปรโตซัวบางชนิดได้ บาดแผลก็จะไม่ลุกลาม
ทำให้ปลามีสุขภาพดีขึ้น
การใช้เกลือรักษาบาดแผลที่ไม่ลุกลามมากจะได้ผลดีเทียบเท่ากับการใช้ยาหรือสารเคมี

Image Hosted by Upload.TARAD.comการใส่เกลือลงในบ่อเลี้ยงปลาเป็นประจำ
ผู้เลี้ยงปลาสวยงามนิยมใส่เกลือลงไปหลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค
หรือตามแต่โอกาสจะอำนวย การใช้เกลือช่วยในการรักษาบาดแผล
น้ำที่เลี้ยงมีค่าความเค็มระหว่าง 3-5 ppt (เกลือ 3.5 กก./ น้ำ 1 ตัน) หรือ เกลือ
3-5 ขีด / น้ำ 100 ลิตร จึงจะมีผลในการรักษา แต่น้ำมีค่าความเค็มต่ำกว่าที่กำหนด
ยังไม่มีการอ้างอิงทางวิชาการว่าจะเป็นประโยชน์หรือโทษต่อปลา
เกลือที่สะสมจะทำให้จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในน้ำตายระบบกรองมีปัญหา
แอมโมเนียในบ่อจะสูง และปลาอาจจะตายได้

การใช้ยาหรือสารเคมีรักษาปลา เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ดังนั้นควรป้องกันปัญหาโดยวิธีเปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อให้สะอาด
หมั่นทำความสะอาดระบบกรองและวัสดุกรองอย่างน้อยเดือนละครั้ง ให้อาหารที่ดีแก่ปลา
สังเกตพฤติกรรมของปลา เพียงเราเอาใจใส่ดูแลปลาของเราอย่างใกล้ชิด
ปลาของเราก็จะมีสุขภาพที่ดีได้

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การเลี้ยงปลาตู้สวยงาม ธุรกิจร้านค้าออนไลน์

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,


ในปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าของโลกยุคดิจิตอลการค้าในโลกยุคออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในธุรกิจแทบทุกชนิดไม่เว้นแม้นแต่ธุรกิจปลาสวยงาม อินเทอร์เน็ต เป็นทางเลือกหนึ่งของการดำเนินธุรกิจการค้าปลาสวยงาม ซึ่งสะดวกโดยสามารถติดต่อลูกค้าทั่วโลกคล้าย ๆ กับการส่งจดหมายถึงตัวลูกค้าทำให้การค้าสะดวกและรวดเร็วมาก แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องมีความพร้อมด้านอุปกรณ์ ได้แก่

1. เครื่องคอมพิวเตอร์ สะดวกในการใช้งาน
2. โทรศัพท์ 1 สาย เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต
3. เครื่องพิมพ์ (Printer) พิมพ์ข้อความที่ส่งมาเก็บไว้
4. กล้องถ่ายภาพดิจิตอล
5. มีความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควร หว๋ายๆๆพอพูดถึงข้อนี้หลายคนคงทำหน้าเบ้เพราะว่าไม่เก่งภาษาอังกฤษ อันที่จริงภาษาอังกฤษที่ใช้ผ่านอินเทอร์เน็ตใช้ศัพท์ไม่เกิน 200 ตัว โดยท่องวันละ 20 ตัว สิบวันก็ค้าขาย ได้อยู่ที่ตัวเรากล้าและรู้จักเริ่มต้น ความกล้าจะทำให้การค้าขายประสบผลสำเร็จ อย่ากลัวว่าการใช้คอมพิวเตอร์ยาก
คำศัพท์ยาก ฝึกหัด 2-3 ชั่วโมงก็เป็นแล้ว
ราคาเครื่องชุดคอมพิวเตอร์หมื่นกว่าบาทสามารถใช้งานได้แล้ว
ถ้าเป็นเครื่องมือสองประมาณ 5,000-6,000 บาท กล้องถ่ายภาพดิจิตอล 20,000 บาท
เพียงเท่านี้สามารถดำเนินธุรกิจการค้าขายได้


"อินเทอร์เน็ต" ไม่ใช่แค่แชตหรือเล่นเกมออนไลน์แต่"อินเตอร์เน็ต"ใช้หาเงินได้จากการขายสินค้าออนไลน์การค้าขายต้องส่งสินค้าให้เค้าดูว่า เรามีปลาสวยงามชนิดใดบ้าง นำใส่ไปในอินเทอร์เน็ตเข้าสู่บ้านลูกค้าได้ทั่วโลก สำหรับวิธีการดำเนินงานโดยทำแบบตัวอย่างสินค้า เป็นอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Brochure) ส่งไปให้คนที่สนใจซื้อหรือส่งตรงไปยังลูกค้า

ขั้นต่อไปเราควรมีเวปไซด์เป็นของตัวเองเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ในปัจจุบันการทำเวปไซด์ขายของออน ไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้วครับหากคุณทำเองไม่เป็นก็สามารถใช้บริการเวปฟรีซึ่งจะมีระบบการจัดการการขายสินค้าไว้ให้เราแบบพร้อมสรรพดั่งมืออาชีพ เช่น ตลาด ดอท คอม หรือ we loveshopping.com หรือเวปอื่นๆก็ได้แต่ผมขอแนะนำให้คุณจดโดเมนของตัวเองจะดีกว่าครับเพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำเราได้ง่ายกว่า นอกจากนั้นช่องทางขายปลาสวยงาม พรรณไม้น้ำ หรือที่เกี่ยวกับปลาสวยงาม เราสามารถขายได้โดยตรงที่Aquabid.com มีแผนกมากมายตั้งแต่ปลาทุกชนิดในโลก พรรณไม้น้ำ อุปกรณ์ อาหาร ยา เราสามารถเข้าไปขายได้โดยพิมพ์Aquabid.com แต่ก่อนเข้าไปซื้อขายใน Aquabid.com ต้องจดทะเบียนก่อน กดที่ New registrationถ้าขายกด User Agreement คือเรากับบริษัท Aquabid.com ตรงนี้ไม่เสีย สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจดทะเบียน กรอกรายละเอียดทุกช่องเสร็จเรียบร้อย ก็แสดงว่าเราเป็นสมาชิก

เมื่อจดทะเบียนแล้วก็ใช้บริการได้ เช่น ขายปลา 1 ตัวหรือ 10 ตัว ต้องมีรูปภาพสินค้าข้อแม้ ถ้าขายปลาทีละตัวต้องถ่ายภาพตัวที่ต้องการขาย มิใช่ลงภาพปลาตัวอื่น การค้าขายต้องซื่อสัตย์กรอกข้อความใน Aquabid.com ว่าปลาตัวนี้ราคาเท่าไหร่ จัดส่งไปทั่วโลกหรือไม่ ใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการส่งปลา การขายใน Aquabid.com เหมือนการประมูลขายของ
Image Hosted by Upload.TARAD.com
เช่น ตั้งราคา 10 เหรียญ ครั้งละ 1 เหรียญ หรือสูงกว่านี้
อยู่ที่การตั้งราคาโดยกำหนดราคาไว้ 5วัน ใครพบก็ประมูล ปลาสวย ๆตั้งราคา 0 เหรียญ จริง ๆ ราคาอาจถึง 100
เหรียญเมื่อสิ้นสุดกำหนดเวลาก็ต้องแจ้งมาว่าลูกค้าคือใครแล้ว E-mail ไปให้ทราบว่าเป็นผู้ประมูลได้

การค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ตจะให้ลูกค้าจ่ายเงินมาก่อน
บวกค่าขนส่งอีกครบจำนวนการส่งเงินต้องมีข้อตกลงจะรับเงินวิธีใด
1. การโอนเงิน โดยผ่านธนาคาร บอกชื่อสกุล หมายเลขบัญชี ชื่อธนาคาร
การโอนเป็นหน้าที่ของผู้ซื้อ
เมื่อเงินถึงบัญชีแล้วผู้ขายอาจกำหนดเงื่อนไขว่ารับเงินแล้วภายใน 7
วันจะส่งสินค้าให้ การรับเงินไปแล้วต้องซื่อสัตย์ส่งปลาที่ตั้งแสดงขายไปให้

2. Money Order เหมือนการโอนเงินธนาณัติ ผู้จ่ายเงินต้องไปไปรษณีย์ แผนกธนาณัติ เมื่อได้ใบเสร็จใส่จดหมายส่งมาก็ไปสำนักงานไปรษณีย์แผนก EMS รับเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

3. Western Union สำหรับธนาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้าบางแห่งมีรับบริการ
Western Union หรือตามสำนักงานไปรษณีย์เดี๋ยวนี้ก็มีบริการของWestern Union
เช่นกัน โดยสามารถส่งเงินได้ภายใน 1 วินาที เหมือนกับการส่งเงินผ่าน E-mail
ซึ่งผู้จ่ายมีเงินในธนาคารหรือเครดิต การ์ด บอกชื่อ สกุลของเราให้ Western
Union ซึ่งจะโอนเงินมาให้ทันที การส่งเงินพร้อมหมายเลข 10
หลักเป็นรหัสลับห้ามบอกผู้ใด แล้วไปที่เคาน์เตอร์แจ้งเจ้าหน้าที่ Western Union
ควบคู่กับหมายเลขรหัสลับโดยได้รับเงินสุทธิตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินนั้น

4. Paypal ในสมัยก่อนประเทศไทยไม่มีระบบนี้แต่ในปัจจุบันนี้สามารถใช้บริการของPaypalได้แล้วครับ
รายละเอียดการใช้ก็สามารถหาหนังสืออ่านได้ครับ
ตอนนี้มีหลายเล่นพิมพ์ออกมาขายตามร้านหนังสืออย่างซีเอ็ด บีทูเอส
ซึ่งเราสามารถให้ลูกค้าในต่างประเทศโอนเงินเข้าบัญชี Paypal ของเราได้ทันที
ซึ่งสะดวกมาก


5. แคชเชียร์เช็ก ลูกค้าทำส่งมาให้ การใช้แคชเชียร์เช็ก
ต้องเป็นลูกค้าเก่าที่ไว้วางใจได้ปัญหาเมื่อรับแคชเชียร์เช็กธนาคารเรียกเก็บ 45
วัน เงินกว่าจะเข้าบัญชีธนาคารหักค่าธรรมเนียม 20% ผู้รับเงิน 10% รวม 30%
วิธีการนี้ไม่นิยมใช้ วิธีที่ดีที่สุดโอนผ่านธนาคาร ใช้เวลา 2-3 วัน
ค่าโอนก็ไม่แพงมากนัก
วิธีการรับเงินจะใช้วิธีที่สะดวกเช่นกันแต่ต้องเป็นลูกค้าที่ไว้ใจได้จริงๆเท่านั้นครับ


วิธีการขนส่งปลา
หลังจากได้รับเงินเรียบร้อยแล้วก็จัดส่งปลาตามสัญญา
ถ้าเป็นปลาหางนกยูง บรรจุถุงพลาสติกถุงละ 1 ตัว ขนาดถุงไม่ให้ใหญ่นัก
เช่นเดียวกับปลากัดเพื่อลดค่าขนส่ง ก่อนอื่นต้องดูว่าลูกค้าอยู่ประเทศไหน

โดยกำหนดแบ่งเป็น 6 โซน คือ
1. ทวีปอเมริกา และแถบแคนาดา
2. ยุโรป
3. เอเชีย
4. ลาตินอเมริกา
5. ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
6. แอฟริกา

การแบ่งโซนลูกค้าเพื่อง่ายต่อการคิดราคาค่าขนส่ง เช่น ประเทศอเมริกาค่อนข้างใหญ่ บางจุดอยู่ห่างไปรษณีย์ ระยะเวลาการเดินทางถึงสนามบินปลายทางใช้เวลากี่วัน เช่น ไปแคนาดา อเมริกาใช้เวลา 4 วันทำการ ไม่รวมวันเสาร์และอาทิตย์ กล่าวคือ ส่งวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงกลางสัปดาห์ โดยจับปลาต้นหรือปลายสัปดาห์ คือวันจันทร์หรือวันศุกร์ ส่วนยุโรปใช้เวลา 3 วัน ส่งวันศุกร์ได้รับวันจันทร์ เอเชียใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ปลาถึงมือลูกค้าได้ยกเว้นเกาะกวมใกล้ฟิลิปปินส์แต่อยู่ในอเมริกาใช้เวลา10 วันที่กล่าวมาเป็นการส่งต่างประเทศด้วยพัสดุไปรษณีย์ ส่วนบางประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกันเปรู ไม่มีข้อตกลง

การส่งต่างประเทศ แบ่งเป็น 2 วิธี

1. เครื่องบิน สายการบินต้นทาง (Airport) ถึงสนามบินปลายทาง (Airport)
2. พัสดุไปรษณีย์ (Parcel Post)
เป็นการขนส่งสินค้าที่ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 1,000 เหรียญสหรัฐฯ บางประเทศให้ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐฯ การส่งไปออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ค่อนข้างยากกว่าจะส่งได้ต้องตกลงกับลูกค้าต้องมีคนรับที่มีใบอนุญาตนำเข้าและมีห้องกักกันโรคได้ 7 วัน ซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลออสเตรเลีย รัฐบานิวซีแลนด์ 3. ใบรับรองฟาร์ม ที่ส่งต้องเป็นฟาร์มปลอดโรคด้วย มี 9 ประเทศที่ไม่สามารถนำเข้าปลาสวยงามยกเว้นฟาร์มที่มีใบปลอดโรคเท่านั้นจึงจะส่งได้ อาทิ ใบรับรองฟาร์มจากกรมประมงของประเทศไทย อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮังการี เชกโกสโลวาเกีย สเปน กรีก โมร๊อกโก อิสราเอล สำหรับการส่ง EMSประเทศไทยมีข้อตกลงกับประเทศต่าง ๆ 130 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีของอเมริกา UPS ของ USPS FEDEX ซึ่งสามารถติดต่อกับบริษัทเหล่านี้ได้ ต่างประเทศมองดูประเทศไทยด้อยพัฒนาการส่งออกต้องทำความรู้จักไปรษณีย์ต่างประเทศเพื่อให้รู้ว่าเราส่งปลาสวยงามก่อนส่งจดทะเบียนส่งออกที่กรมประมงหรือสำนักงานประมงจังหวัดพื้นที่เสียค่าธรรมเนียม 100 บาท (บุคคลธรรมดา) 150 บาท (นิติบุคคล)ใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำ (Health Certificate) จากสถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำ กรมประมงนำตัวอย่างปลาส่งตรวจเช้าเย็นได้รับอย่างช้า 3 วันทำการ ปลาที่ส่งตรวจต้องส่งเป็นชุดเดียวกับที่ส่งออก(กรุณาซื่อสัตย์กับกรมประมงด้วย)จำนวนปลาตามระเบียบกำหนด เช่น ส่ง 20 ตัว นำปลามาตรวจ 2 ตัว
4. ใบแจ้งรายการสินค้า (invoice) แจ้งว่าสินค้าที่ส่งไปเป็นอะไรบ้าง มีราคาบอก ส่งให้ใคร ใครสั่ง นำใบแจ้งรายการสินค้า พร้อมทั้งใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำใส่ของพลาสติกผนึกไว้ข้างกล่องที่ส่งปลา หากไม่ใส่ซองพลาสติกเมื่อถูกน้ำจะฉีกขาดได้
5. Packing list บอกรายละเอียดของสินค้าการขนส่งถูกต้องกับระยะทางเช่น อเมริกา 7 วัน ยุโรป 5 วันการบรรจุปลาขึ้นกับอุณหภูมิและฤดูกาลของแต่ละประเทศถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนไม่มีปัญหา ส่วนฤดูหนาว การบรรจุปลาจะแตกต่างกัน โดยตรวจสอบอุณหภูมิ เช่น อเมริกา คือ U.S.A.com ซึ่งพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 5-7 วัน กดที่ weather กดเบอร์ Zip code กด Florida ต่อด้วยหมายเลขเมืองที่ต้องการ เช่น 6131 เมฆจัดอุณหภูมิ 76 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 87% ลม 9 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาทเพราะการขนส่งปลาสวยงามเป็นสินค้าที่อ่อนไหว หากรู้อุณหภูมิเพื่อปรับการบรรจุปลาในถุงพลาสติกที่ทนต่อความเย็นหรือความร้อน ต้องมีการตรวจสอบสภาพอุณหภูมิอากาศก่อน เพื่อเตรียมกล่องโฟมใส่ Heat pack เป็นต้น


เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ต้องการส่งออกมีอะไรบ้าง

1. ความซื่อสัตย์ในการจัดส่ง ต้องส่งสินค้าดี
ไม่ส่งปลาป่วยหรือปลาคนละตัว จะทำให้ผู้ค้ารายอื่น ๆ ไม่สามารถขายปลาได้
2. การกำหนดราคาอย่างยุติธรรม
ก่อนการเสนอราคาขายต้องตรวจสอบราคาขายของผู้อื่นเท่าไหร่ เช่น Aquafish ฯลฯ หลังจากเปรียบเทียบคุณภาพ ราคาแล้วจึงตั้งราคาขายของเรา ทั้งนี้ไม่ควรเสนอราคาต่ำกว่าผู้อื่นซึ่งตั้งขายในขณะนั้น ควรเสนอราคาสูงกว่าเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าสินค้าของเราดีกว่าอยากจะรับบริการต่อไป เมื่อลูกค้าติดแล้วก็ไม่ไปซื้อคนอื่น

การค้าทางอินเตอร์เน็ต ผู้ขายจะไม่เห็นหน้าลูกค้าเลย ฉะนั้นควรมีจิตวิทยาก็ควรส่งเมล์สอบถามความเป็นอยู่ของปลาว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบ่อยมากนักก็ได้ครับเพราะลูกค้าอาจรำคาญและข้อสำคัญสำหรับการค้าขายออนไลน์นั้นเราต้องมีความซื่อสัตย์ให้มากที่สุด

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การทำธุรกิจฟาร์มปลาสวยงาม เพื่อการส่งออก

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,

การทำธุรกิจฟาร์มปลาสวยงามเพื่อการส่งออก กับสิ่งที่คุณควรเข้าใจ


ในปัจจุปันตลาดปลาสวยงามโตแบบไปเรื่อยๆแม้นจะไม่มีแรงหนุนจากทางรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือก็ตามที แต่ธุรกิจด้วนปลาสวยงามก็ยังคงเดินหน้าไปได้ด้วยภาคเกษตรของเราเองและจากนักเพาะเลี้ยงทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น การเติบโตแบบช้าๆนี้หากเราผู้ที่สนใจเพาะเลี้ยงปลาสวยงามเพื่อเป็นธุรกิจคงจะต้องคิดให้มากเพราะเวลานี้ตลาดโลกกำลังเปลี่ยน ผู้บริโภคต้องการปลาที่มีคุณภาพสวยงามถูกต้องตามสายพันธุ์และสะอาดปลอดเชื้อโรค ดังนั้นเราจึงควรวางแผนให้ดีก่อนการผลิตปลาเพื่อจำหน่ายแม้นจะขายผ่านรังปลาหรือจะขายเองผ่านตลาดทั้งในและต่างประเทศ เรื่องของคุณภาพนั้นไม่ว่าสินค้าชนิดใดล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้นระบบการจัดการสถานที่ในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามจึงจำเป็นที่สุดที่เราต้องคำนึงถึง บ่อเพาะเลี้ยงควรมีความชัดเจนในการแยกชนิดและประเภทของปลา แยกเพศและไซด์ของปลาออกเป็นชุดๆ คัดแยกคุณภาพของปลาออกไว้เป็นเกรดและปลาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดของตลาดก็ไม่ควรนำออกขาย แม้นจะเป็นการขายเพื่อเป็นปลาย่อยราคาถูก แต่สำหรับปลาขนาดเล็กอย่างปลากัด ปลาหางนกยูง หากปลาที่ไม่มีคุณภาพก็ให้คัดเอาไว้แล้วขายเป็นปลาเหยื่อไปอย่าไปหลอกขายว่าเป็นปลาเกรด และเมื่อบ่อเลี้ยงปลาไหนมีปลาป่วยก็ให้แยกปลาที่ป่วยออกนำไปไว้ยังบ่อที่แยกต่างหากที่ผมอยากจะเลี้ยงว่าบ่อพยาบาล แต่หากปลาบ่อนั้นเป็นโรคติดต่อกันแบบแก้ไม่หายให้ทิ้งทั้งบ่ออย่าเสียดาย และบ่อนั้นควรทำความสะอาดและตากพักบ่อไว้อย่างน้อยสองสัปดาห์ ข้อสำคัญปลาที่ป่วยก็อย่านำเอามาขายเป็นปลาเหยื่อนะครับเพราะมันจะสร้างความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงปลาคนอื่น
ผมเองมีโอกาสไปเที่ยวดูปลาที่ฟาร์มปลาหลายแห่งต้องยอมรับครับว่าฟาร์มปลาบางแห่งมีระบบการจัดการที่ดีมาก เพราะเขามีพื้นที่ชัดเจนในการแยกประเภทของปลาไม่ให้มีการปะปนกันอย่างเด็ดขาดและมีการคัดแยกคุณภาพของปลาออกจากกันไปเลี้ยงเป็นชุดๆ ทำให้ง่ายกับผู้ที่มาติดต่อขอซื้อปลาไม่ว่าจะเอาไปเลี้ยงหรือขายต่อ ผมเองอยากให้ผู้ที่สนใจการเพาะเลี้ยงปลามีการจัดการระบบการเลี้ยงที่ดีแบบนี้เพราะว่ามันจะทำให้เราสามารถรักษาคุณภาพของปลาได้และแน่นอนมันทำให้ปลาที่มีของเราสามารถอัฟราคาได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่เพาะเลี้ยงปลาคนไทยมักไม่ให้ความสำคัญในเรื่องพวกนี้เพราะคิดว่ามันเป็นต้นทุนที่สิ้นเปลืองและต้องเสียเวลาเพราะปลาที่ได้มาจะมีจำนวนน้อย แต่สำหรับผู้ที่เพาะเลี้ยงปลาที่ไม่มีพื้นที่ขนาดใหญ่หากคุณคิดจะเลี้ยงเอาปริมาณไปขายนั้นผมว่าเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมากเพราะคุณไม่มีทางที่จะทำปริมาณได้มากด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ ดังนั้นการเลี้ยงปลาโดยเน้นที่คุณภาพของปลาจึงเป็นทางเลือกที่คุณควรจะนำไปคิด ในปัจจุปันนี้ประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงเราหลายประเทศมีการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลกและพวกเขามีต้นทุนที่ต่ำอีกทั้งยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อเลี้ยงให้ได้ปริมาณมากๆ เราที่เวลานี้ยังเป็นผู้นำด้านการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามจึงควรมุ่งเน้นเรื่องของคุณภาพสายพันธุ์ให้มากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นเราคงต้องนั่งทำปลาราคาถูกเพื่อขายแข่งกับเขา หากเป็นแบบนี้เราคงได้แต่ช้ำเพราะเรื่องปลาราคาถูกๆที่ใครๆก็ทำได้

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อาหารปลาทอง

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,

เรื่องควรรู้เกี่ยวอาหารปลาทอง




อาหารที่ใช้เลี้ยงปลาทองมีหลากหลายชนิด
ทั้งอาหารมีชีวิตและอาหารสำเร็จรูปซึ่งแต่ละชนิดมีคุณค่าทางอาหารต่างกันไป
การเลือกใช้อาหารแต่ละชนิดขึ้นกับความเชื่อและความสะดวกของผู้เลี้ยง
แต่ไม่ว่าจะให้อาหารชนิดใดก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงที่สุดคือ
ปริมาณการให้ที่เหมาะสมและความสะอาดของอาหารที่ให้


ชนิดของอาหาร

1.อาหารมีชีวิตหรืออาหารสด ปลาทองเป็นปลาที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์
แต่อาหารที่พวกมันชอบมากที่สุดก็คง

หนีไม่พ้นลูกน้ำ ไรแดง ไรทะเล หนอนแดง และไส้เดือนน้ำ

ลูกน้ำ
อาหารชั้นเลิศที่เพาะเลี้ยงต่างเสาะหามาให้ปลาของตนกิน
เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงย่อยง่าย ปลากินแล้วโตเร็ว แต่มักมีปัญหาเรื่องโรค
เพราะลูกน้ำมักเกิดในแหล่งน้ำที่สกปรก
เพราะฉะนั้นก่อนนำมาให้ปลากินควรมีการล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน


ไรแดง เป็นอาหารสำหรับอนุบาลลูกปลาวัยอ่อนหรือให้ปลาโตกิน มีทั้งมาจากการเพาะเลี้ยงและมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ส่วนใหญ่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ก่อนให้ปลากินควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน ไรแดงมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 วัน หรือถ้าต้องการเก็บรักษาไว้ใช้นานๆก็นำไปแช่ในช่องฟรีซ แต่ชอบกินไรแดงเป็นๆมากกว่า






ไรทะเล

เป็นอาหารมีชีวิตที่ค่อนข้างสะอาด เพราะอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม แต่ก็ใช้ว่าไม่มีเชื้อโรคเลย
เพราะบางครั้งเชื้อโรคอาจมาจากการใช้กระชอนที่ไม่สะอาดตักไรทะเลให้ปลากิน หรือใส่ไรทะเลในภาชนะที่ไม่สะอาด ส่วนใหญ่ไรทะเลที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงปลาทองมาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงแถบทั้งนั้น การเก็บรักษาไรทะเลก็ให้ทำเหมือนกับการเก็บไรแดง เพียงแต่ต้องใส่เกลือลงไปในน้ำเพื่อให้น้ำมีความเค็ม

หนอนแดง

เป็นอาหารที่นิยมใช้ในการเลี้ยงปลาทอง เพราะเชื่อว่ามีสารเร่งสีตามธรรมชาติอยู่ในตัวเนื่องจากเป็นอาหารที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนกับลูกน้ำและไรแดง ก่อนนำมาใช้ต้องล้างทำความสะอาดเสียก่อน
แต่ปัจจุบันผู้ผลิตอาหารปลาหลายรายนำหนอนแดงสดไปฆ่าเชื้อโรคด้วยโอโซนและแพ็คด้วยกระดาษฟอยด์ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานด้วยการแช่แข็ง

ไส้เดือนน้ำ

เป็นอาหารมีชีวิตที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีโปรตีนสูงพอสมควร แต่ที่ไม่ค่อยมีใครนิยมนำมาใช้เลี้ยงปลาทองเพราะไส้เดือนตายง่าย การเก็บรักษาค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องใส่ในภาชนะที่มีน้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลาหรืออาจต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆจึงจะมีชีวิตอยู่ได้นาน



ข้อควรปฎิบัติในการนำอาหารมีชีวิตมาให้ปลากิน

1.อาหารหลายชนิดมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
เพราะฉะนั้นก่อนนำมาให้ปลากินต้องล้างน้ำเปล่าให้สะอาด และแช่ในด่างทับทิมเข้มข้น
100-150 ppm นาน 3-5 นาที

2.หมั่นคัดตัวที่ตายออกจากภาชนะที่ใส่
เพราะตัวที่ตายจะหมักหมมจนก่อให้เกิดเชื้อโรคได้

3.ไม่นำกระชอนหรือภาชนะที่ใส่อาหารมีชีวิตไปใช้ปะปนกัน
ก่อนนำไปใช้ควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน

ข้อดีของอาหารมีชีวิต

- มีเส้นใยมาก ย่อยง่าย ทำให้ปลากินได้บ่อยครั้ง

- อาหารมีชีวิตมีองค์ประกอบของกรดอะมิโนอิสระที่สำคัญ ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโต

- มีสารสีธรรมชาติที่ปลาไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง

- ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคให้ปลา

- มีราคาต่ำ

องค์ประกอบทางเคมีของอาหารมีชีวิตแต่ละชนิด


2.อาหารสำเร็จรูป ที่นิยมใช้เลี้ยงปลาทอง ได้แก่ อาหารเม็ด
ควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงจะทำให้ปลาเจริญเติบโตดีและมีสีสันสวยงาม
อาหารที่มีโปรตีนต่ำทำให้ปลาเจริญเติบโตช้าและมีความสมบูรณ์ทางเพศน้อยหรือถ้าอาหารมีปริมาณโปรตีนมากเกินไปอาจทำให้ปลาขับถ่ายของเสียออกมามาก
ปริมาณแอมโมเนียในน้ำมีสูง ทำให้เป็นพิษต่อปลา
อาหารสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารเร่งสีที่ช่วยในการเร่งสีปลา
ก่อนซื้อมาใช้ก็ควรดูส่วนผสมที่ข้างซองก่อนว่ามีสารเหล่านี้ผสมอยู่มากน้อยเพียงใด

ส่วนใหญ่สารเร่งสีที่ผสมอยู่ในอาหารสำเร็จรูปนั้น จะเป็นสารเร่งสีในกลุ่มเบต้าแคโรทีน
Beta-carotene อย่างสารลูทีน (Lutein) ซีอาแซนทีน (Zeaxanthin) และแอสตาแซนทีน (Astaxanthin)
ส่วนสารสีในกลุ่มอื่น เช่น ไลโคพีน(Lycopene) พบมากในพืชจำพวกมะเขือเทศและแครอท
แม้ว่าเป็นสารจำพวกเบต้าแคโรทีนเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถเร่งสีแดงในปลาทองได้
เนื่องจากร่างกายของปลาทองไม่มีกลไกลในการเปลี่ยนสารไลโคพีนให้เป็นแอสตาแซนทีน
ตรงข้ามกับสาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina)
ที่สามารถเร่งสีแดงของปลาทองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสาหร่ายดังกล่าวมีสารสีประเภทลูทีนและซีอาแซนทีน
ซึ่งร่างกายของปลาทองมีกลไกลบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนลูทีนและซีอาแซนทีนไปเป็นแอสตาแซนทีนและนำไปใช้ประโยชน์ได้

คุณสมบัติของสาหร่ายสไปรูลิน่า นอกเหนือจากเร่งสีแดงให้ปลาทองแล้ว
มีปริมาณโปรตีนสูง 50-60% มีกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อปลา
สารสีที่พบในสาหร่ายยังเป็นสารตั้งต้นของสารที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของปลา
เช่น สารตั้งต้นของวิตามินเอและฮอร์โมนบางชนิด

การเก็บรักษาสาหร่ายสไปรูลิน่า

ควรเก็บไว้ในตู้เย็นและมืด ภาชนะบรรจุควรอยู่ในถุงฟอยด์ที่ปิดมิดชิด
อากาศเข้าไม่ได้ เนื่องจากสารสีเหล่านี้มีความไวต่อแสงสว่างและออกซิเจน
หากสัมผัสอากาศนานๆจะเกิดการอ๊อกซิแดนท์ ในการผสมสาหร่ายในอาหารปลา
ควรใช้ในปริมาณน้อยๆพอให้ปลากินหมดในแต่ละมื้อ ไม่ควรผสมคราวละมากๆแล้วทิ้งไว้
เพราะทำให้คุณสมบัติบางอย่างสูญเสียไป





ข้อดีของอาหารสำเร็จรูป

- มีสารอาหารครบถ้วน

- สะอาดปลอดภัย และเก็บไว้ได้นาน

- มีให้เลือกหลายชนิด และสะดวกต่อการใช้

หลักในการให้อาหารปลาทอง

1.ปลาในแต่ละช่วงอายุจะมีความต้องการอาหารไม่เท่ากัน

ลูกปลาเล็กขนาดไม่เกิน 2 นิ้ว อายุไม่เกิน 2 เดือน
มีความต้องการโปรตีนประมาณ 60%-80% เพื่อการเจริญเติบโต

ปลาวัยรุ่นขนาดไม่เกิน 3 นิ้ว อายุระหว่าง 2-4 เดือน มีความต้องการโปรตีน
ประมาณ40%-60% เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ทางเพศ

ปลาโตเต็มวัยขนาด 3 นิ้วขึ้นไป อายุ 4 เดือนขึ้นไป มีความต้องการโปรตีน
ประมาณ 30%-40%

2.การให้อาหารปลาทองควรให้วันละ 3-5% ของน้ำหนักปลา
เช่นปลาที่เลี้ยงไว้ทั้งหมด น้ำหนัก 500 กรัม ควรให้อาหารเม็ดวันละ 15-25 กรัม
(ปลาทอง ขนาดความยาว 12.5 ซม. จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 100 กรัม)

3.แบ่งมื้ออาหารในการให้ออกเป็นหลายมื้อ ถ้าไม่มีเวลาอย่างน้อยๆก็ควรให้วันละ
2 มื้อ

4.ปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละมื้อไม่ควรให้มากเกินไป ปลาควรกินให้หมดภายใน 15
นาที

5.ควรให้อาหารปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง

6.ปลาไม่ยอมกินอาหารที่ไม่เคยกินมาก่อนจึง ต้องมีการฝึกให้กินอาหารนั้นก่อน

7.การเลือกชนิดอาหารและปริมาณในการให้อาหาร
ต้องคำนึงถึงระบบการจัดการน้ำในการเลี้ยง

8.ก่อนนำอาหารที่มีชีวิตมาให้ปลากินควรล้างทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเลี้ยงปลาตู้สวยงามเพื่อการส่งออก

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,

ตลาดการส่งออกปลาสวยงามการเติบโตที่หลายคนมองข้าม

ในเวลานี้สภาพเศรษฐกิจของโลกกำลังอยู่ในสภาวะตกต่ำ
และแน่นอนหลายๆคนก็กำลังประสพปัญหาเรื่องการเงิน (รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย ฮื่อๆๆ)
ครั้งเราจะมองหางานใหม่ที่ให้รายได้มากกว่าเดิมก็เห็นจะลำบาก
เพราะสมัยนี้แค่ไม่ต้องโดนให้ออกจากงานหรือลดเงินเดือนก็เป็นเรื่องน่าดีใจไม่น้อยอยู่แล้ว
บางคนก็คิดว่าจะออกไปทำงานส่วนตัว พอสอบถามกันไปมาก็วนเวียนอยู่กับเรื่องค้าขาย
แต่พอถามเรื่องเงินทุนสรุปจบกันที่อย่างมากก็เปิดท้ายละวะ...เพราะหากจะไปทำธุรกิจอย่างอื่นมันก็ต้องใช้เงินลงทุน
และจะไปทำงานอะไรดีล่ะ...เพราะอยากหารายได้เพิ่มแต่ยังไม่อยากออกจากงานประจำที่ทำอยู่
งั้นก็ไปขายตรงสิ...มีทั้งชั้นเดียว สองชั้น หลายๆชั้น ทแยงซ้าย ทแยงขวา
กินรวบหน้าหลังบนลงล่าง โอยนั่งเฉยๆก็รวยมีหลายคนสำเร็จแล้ว(สุดท้ายพอไปทำก็หน้ามืด
สินค้ากองเต็มบ้าน หากลูกค้าลูกทีมก็ไม่ได้คนจะซื้อก็ไม่มีเจ๊งสนิท...ฮา...)


แน่นอนสำหรับผมเองไม่ได้ค้านการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอะไรขออย่าผิดกฎหมายก็พอแล้ว
และสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องปลาสวยงามก็อย่านั่งนิ่งๆครับมาลองเพาะพันธุ์ปลาสวยงามขายกันดีกว่า
เพราะเมื่อเพาะพันธุ์ปลาสิ่งแรกก็คือเราจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับปลาที่เรารัก
นอกจากนั้นเรายังสามารถทำเงินได้ด้วยโดยการเอาปลาไปขาย
ทีนี้หลายคนคงตั้งข้อสังเกตว่าการเพาะไม่ยากเท่าไหร่...แต่จะขายใคร ใครจะซื้อ
แต่หากผมบอกว่าเราก็ขายให้คนทั้งโลกเลยสิ..." เอ๋...จะเป็นไปได้เรอะ " คำตอบคือ
เป็นได้ครับเพียงแค่คุณมีคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท
เพราะผมเชื่อว่าคุณๆที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกนี้ย่อมต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์
แล้วทำไมเราไม่ใช้มันทำงานหาเงินให้เราอีกทางล่ะครับ
เพราะปลาสวยงามนอกจากเราจะซื้อมาเลี้ยงแล้ว
หากเรามีพื้นที่พอที่จะเพาะพันธุ์ทำไมเราไม่ลองทำดูล่ะครับ
ทำแบบเล็กไม่ต้องใหญ่โตอะไร



จริงอยู่แม้นภาวะเศรษฐกิจของโลกกำลังแย่
แต่ปลาสวยงามก็ยังคงเติบโตได้แม้นจะไม่ใช่ตัวเลขที่สูงมากนัก
แต่มันเป็นตลาดที่โตไปเรื่อยๆเพราะสินค้าเป็นของมีชีวิตที่ตายได้ตามอายุไข
ดังนั้นจึงมีความต้องการอยู่เสมอ เพราะ
ปัจจุบันไทยเป็นประเทศส่งออกปลาสวยงามอันดับ
7 ของโลก
และไทยมีปัจจัยพื้นฐานในเรื่องความพร้อมทางศักยภาพการเลี้ยงและการพัฒนาสายพันธุ์
ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันให้ไทยไต่อันดับขึ้นไปได้อีกในอนาคตอันใกล้นี้
ซึ่งปัจจุบันประเทศที่นำเข้าปลาสวยงามหันมาสั่งซื้อปลาสวยงามจากไทยโดยตรงมากขึ้น
จากเดิมที่เป็นการสั่งซื้อผ่านทางสิงคโปร์ ดังนั้น
การเจาะขยายตลาดปลาสวยงามโดยตรงจะทำให้ปลาสวยงามของไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น
และได้รับการยอมรับมากขึ้นทั้งในด้านความหลากหลายของสายพันธุ์ ความสวยงาม
ราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง และมีการพัฒนามาตรฐานการเลี้ยง
รวมทั้งการควบคุมคุณภาพและการกักกันโรคของปลาสวยงามในการส่งออก
ให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในการส่งออกปลาสวยงามในตลาดโลกมีแนวโน้มเข้มข้น
โดยคู่แข่งรายเดิมอย่างสิงคโปร์ก็ยังคงเร่งพัฒนาเพื่อรักษาตำแหน่งประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามอันดับหนึ่งของโลกต่อไป
ในขณะที่ไทยต้องเผชิญการแข่งขันกับคู่แข่งที่สำคัญอย่างมาเลเซียและเวียดนาม
ซึ่งทั้งสองประเทศต่างกำหนดแผนพัฒนาการผลิตและการตลาดปลาสวยงาม
โดยมีเป้าหมายในการเจาะขยายตลาดส่งออก
และเป็นศูนย์กลางการผลิตปลาสวยงามที่มีคุณภาพที่สำคัญของโลก



ตลาดในประเทศ…เติบโตต่อเนื่อง


ความนิยมเลี้ยงปลาสวยงามในประเทศไทยขยายตัวอย่างมากในช่วงระยะ 10
ปีที่ผ่านมา
โดยนับว่าเป็นงานอดิเรกที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย
เนื่องจากให้ทั้งความเพลิดเพลิน สามารถหามาเลี้ยงได้ง่าย เลี้ยงในพื้นที่จำกัดได้
ไม่มีเสียงและกลิ่นรบกวนผู้เลี้ยง และจากความนิยมเลี้ยงปลาสวยงามนี้เอง
ทำให้เกิดธุรกิจการซื้อขายปลาสวยงามแพร่หลายในประเทศ
ซึ่งไทยมีความพร้อมของสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม
เนื่องจากมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
และแนวทะเลทอดยาวทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย
ทำให้มีพันธุ์ปลาหลากชนิดทั้งน้ำจืดและปลาทะเล
นอกจากการเติบโตของธุรกิจปลาสวยงามแล้ว
ยังก่อให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตามมาอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา ยารักษาโรค
และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกมาก

ศูนย์กลางขายส่งปลาสวยงามอยู่ที่ตลาดซันเดย์ ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร
เวลาการจำหน่ายตั้งแต่เที่ยงวันศุกร์จนถึงเช้าวันเสาร์
ในปัจจุบันมีการขายส่งปลาสวยงามในแต่ละสัปดาห์ราว 150,000 ตัว มูลค่าประมาณ
600,000 บาทต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 28 ล้านบาทต่อปี
ในส่วนของการจำหน่ายปลีกนั้นมูลค่าจะสูงกว่าการจำหน่ายส่งประมาณ 2 เท่าตัว
ทำให้มูลค่าการจำหน่ายปลาสวยงามเฉพาะที่เป็นปลาน้ำจืดในประเทศสูงถึงประมาณ
56 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ยังไม่รวมปลาสวยงามขนาดใหญ่หรือปลาที่มีราคาแพง
ซึ่งมักมีการจำหน่ายโดยตรงให้กับลูกค้า
ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าอีกหลายสิบล้านบาท
เนื่องจากปลาสวยงามที่จำหน่ายปลีกตามแหล่งต่างๆ
จะเป็นปลาที่นำเข้าจากต่างประเทศประมาณร้อยละ 40 ปลาลูกผสมร้อยละ 35
และปลาพื้นเมืองเพียงร้อยละ 25
ปลาสวยงามที่นำเข้าจากต่างประเทศมีทั้งน้ำจืดและปลาทะเล
โดยส่วนใหญ่จะเป็นปลาพื้นเมืองของประเทศนั้นๆ
ซึ่งมีสีสันที่แปลกแตกต่างกันออกไป บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
คาดว่ามูลค่าตลาดปลาสวยงามในประเทศประมาณ 100 ล้านบาท
และมีอัตราการขยายตัวไม่มากนักในแต่ละปี
เนื่องจากปลาสวยงามส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในประเทศเป็นปลาน้ำจืดที่ราคาไม่แพงมากนัก
ส่วนปลาทะเลสวยงามนั้นผู้เลี้ยงยังอยู่ในวงจำกัด
และเป็นผู้ที่มีรายได้สูงเท่านั้น เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงอยู่ในเกณฑ์สูง
และต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด




สำหรับเกษตรกรที่เป็นทั้งผู้เพาะเลี้ยงและนำปลาสวยงามมาจำหน่ายเองที่ตลาดซันเดย์นั้นส่วนใหญ่จะเน้นจำหน่ายปลาที่มีอายุ
2-3 เดือน หรือขนาด 2 นิ้วขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่ได้กำไรสูงสุด
ต้นทุนการเลี้ยงปลาสวยงามจะสูงในช่วงการอนุบาลลูกปลา
แต่เมื่อปลาโตขึ้นจนกินอาหารเม็ดได้อัตราการสูญเสียน้อยลง
และต้นทุนก็ต่ำลงด้วย
ราคาซื้อ-ขายปลาสวยงามแต่ละชนิดค่อนข้างใกล้เคียงกันคือปลากาเผือกและปลาทรงเครื่อง
2.50 บาท/ตัว ปลาหางไหม้และปลากาแดง 1.50 บาท/ตัว เป็นต้น
ยกเว้นปลาตะเพียนอินโดราคาจะสูงถึง 4 บาท/ตัว ส่วนปลาคาร์ฟที่คัดลักษณะและสีแล้วราคาตกประมาณ
5-6 บาท/ตัว แต่ถ้าเป็นลูกปลาคาร์ฟเกรดต่ำตัวละไม่ถึง 1 บาท ซึ่งปลาคาร์ฟที่จำหน่ายที่ตลาดซันเดย์เป็นการจำหน่ายให้ผู้เลี้ยงสมัครเล่นเท่านั้น
ถ้าเป็นปลาคาร์ฟที่มีราคาแพง ซึ่งต้องคัดปลาที่มีลักษณะดี
สีสันสวยราคาจะสูงกว่า 10,000 บาทต่อตัว




ตลาดส่งออก…ปี’51 เติบโตแบบก้าวกระโดด


ปัจจุบันไทยส่งออกปลาสวยงามไปสู่ประเทศต่างๆมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
และมีผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้องในธุรกิจปลาสวยงาม 60 บริษัท
โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 การส่งออกปลาสวยงามมีปริมาณ 2,508.29 ตัน
มูลค่า 444.55 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการส่งออก 861.37 ตัน มูลค่า
252.97 ล้านบาทแล้ว ทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 191.2 และ
76.1 ตามลำดับ ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าการส่งออกในช่วงครึ่งแรกปี 2551
จะเติบโตอย่างมาก แต่ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยนั้นลดลง กล่าวคือ
ราคาเฉลี่ยส่งออกในช่วงครึ่งแรกปี 2551 อยู่ที่ 177,232 บาท/ตัน
ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2550 อยู่ที่ 293,683 บาท/ตัน
ซึ่งแสดงว่าราคาปลาสวยงามที่ไทยส่งออกนั้นมีราคาต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์
เนื่องจากภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงในตลาดโลก
แม้ว่าการส่งออกปลาสวยงามในปี 2551
นั้นมีสัดส่วนการส่งออกปลาทะเลสวยงามมากขึ้น กล่าวคือ ในปี 2551
สัดส่วนการส่งออกปลาทะเลสวยงามคิดเป็นร้อยละ 40.1
ของการส่งออกปลาสวยงามทั้งหมด จากที่ในปี 2550 สัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 16.9
เท่านั้น



บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
คาดการณ์ว่าการส่งออกปลาสวยงามของไทยในปี 2551 จะแตะ 1,000 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับปี 2550 เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.0
โดยการส่งออกนั้นแยกเป็นลูกปลาร้อยละ 9.4 ปลาทะเลร้อยละ 40.1
และปลาน้ำจืดร้อยละ 50.5 โดยปลากัดเป็นปลาสวยงามที่มีการส่งออกมากที่สุด
ส่วนปลาที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันคือ ปลาหางไหม้ ปลาน้ำผึ้ง
ปลาทรงเครื่อง ปลากาแดง ปลาเทศบาล ปลาปล้องอ้อย และปลาชะโด
เนื่องจากปลาเหล่านี้มีความสวยงามและมีลักษณะความแปลกเฉพาะตัวที่โดดเด่น




ประเทศคู่ค้าปลาสวยงามหลักของไทยอยู่ที่สหรัฐฯและสหภาพยุโรป
ซึ่งนิยมสั่งซื้อปลาสวยงามขนาดเล็กราคาต่ำ และส่วนใหญ่เป็นปลาพื้นบ้าน เช่น
ปลากัด ปลาคราฟท์ขนาดเล็ก 3-4 นิ้ว ปลาหางนกยูง ปลาทอง ปลาเทวดา ปลาปอมปาดัวร์
เป็นต้น
อย่างไรก็ตามพบว่ากลุ่มปลาพื้นเมืองของไทยก็กำลังเป็นที่นิยมในตลาดยุโรปกับสหรัฐฯ
และมีโอกาสขยายตลาดได้ดีอย่างต่อเนื่องในระยะยาวได้แก่
ปลาเล็บมือนางและปลาน้ำผึ้ง
เนื่องจากเป็นปลาที่กินตะไคร่น้ำในตู้ปลาเป็นอาหาร
ลูกค้าจึงนิยมสั่งซื้อเพื่อนำมาใช้ทำความสะอาดตู้ปลา
นอกจากนี้ตลาดยุโรปช่วงการสั่งเป็นฤดูกาล
โดยเฉพาะฤดูหนาวในระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม
เพราะไม่ได้ออกไปไหนก็จะหันเลี้ยงปลาเพื่อดูเล่น ส่วนตลาดสำคัญรองลงไปคือ
ตลาดญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะนำเข้าพรรณไม้น้ำและปลาที่มีคุณภาพดี
ปลาที่หายากและมีราคาสูง เช่น ปลาคราฟท์ ปลาอะโรวาน่า เป็นต้น นอกจากนี้
ผู้นำเข้าปลาสวยงามของสหรัฐฯและสหภาพยุโรปหันมานิยมนำเข้าปลาสวยงามที่ออกลูกเป็นตัว
ซึ่งปลาที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เช่น ปลาสอด เซลบิลล์ ซันไลแพ็ทกี้
เป็นต้น
ซึ่งปลาเหล่านี้เพาะเลี้ยงง่ายมากในเมืองไทยนับว่าเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกปลาสวยงามเหล่านี้




สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับตลาดสหรัฐฯคือ สหรัฐฯลดการนำเข้าปลาสวยงามจากไทย
สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เริ่มหันไปนำเข้าปลาสวยงามเพิ่มขึ้นจากฟิลิปปินส์
ญี่ปุ่น มาเลเซีย โคลัมเบีย จีนและเวียดนาม
ดังนั้นผู้ส่งออกปลาสวยงามของไทยต้องเริ่มจับตาคู่แข่งรายใหม่โดยเฉพาะเวียดนาม
ส่วนตลาดยุโรปมักจะสั่งซื้อปลาเป็นบางช่วงที่มีความต้องการสูงๆเท่านั้น
ทำให้ในบางครั้งมีสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการ



อย่างไรก็ตาม
ไทยยังมีโอกาสสร้างฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มปริมาณมูลค่าการส่งออกปลาสวยงามในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะปลาคราฟท์ เพราะประเทศคู่แข่งขันที่สำคัญๆคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย
ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียประสบปัญหาโรคระบาดทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนสินค้า
ผู้ซื้อจึงต้องหันมาซื้อสินค้าจากไทยแทน
นอกจากนี้คนไทยยังมีฝีมือและแนวความคิดที่เป็นส่วนเพิ่มศักยภาพในการเพาะพันธุ์
การเลี้ยงและการปรับปรุงพันธุ์ปลาสวยงามให้มีคุณภาพดี มีสีสันสวยงาม
ได้มาตรฐานตามลักษณะที่ลูกค้าต้องการ
ตลาดสำคัญของปลาสวยงามที่ไทยส่งออกไปจำหน่ายนั้นมีหลายประเทศ




แนวโน้มในอนาคต


กระทรวงเกษตรฯมีการกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกปลาสวยงาม โดยตั้งเป้าว่าในปี
2553 มูลค่าการส่งออกปลาสวยงามจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านบาท
ซึ่งเน้นให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันเช่นเดียวกับที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นแหล่งผลิตและส่งออกปลาสวยงามของไทย
โดยเตรียมขยายโครงการส่งออกปลาสวยงามไปยังจังหวัดพิจิตร
เนื่องจากมีความพร้อมในด้านแหล่งน้ำ
และความหลากหลายของพันธุ์ปลาน้ำจืดสวยงาม



ปลาสวยงามที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตและกำลังเป็นที่ต้องการของต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ส่วนใหญ่จะเป็นปลาจำพวกออกลูกเป็นตัวขนาดเล็ก เช่น ปลาสอด
และปลาสวยงามที่มีการนำเข้าจากทวีปอเมริกาใต้แล้วผู้ประกอบการไทยนำมาเพาะและขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายส่งออกต่างประเทศ
ลักษณะเป็นปลาขนาดเล็ก ครีบและหางมีสีสันสวยงาม
ลักษณะคล้ายปลาหางนกยูงของไทย อย่างไรก็ตาม
ในขณะนี้การผลิตปลาสวยงามดังกล่าวเพื่อการส่งออกของไทย
ยังประสบปัญหาไม่สามารถผลิตได้ทันกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ
ทำให้ไทยเสียโอกาสในการส่งออก
ดังนั้นถ้ามีการอนุญาตให้มีการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ปลา
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามของไทยเร่งปริมาณการผลิตลูกปลาเพื่อการส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น





อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ไทยยังเป็นรองหลายประเทศในการผลิตและส่งออกปลาสวยงาม
มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาดังต่อไปนี้





-ควรเร่งปรับระเบียบและกฎหมายการนำเข้าปลาบางสายพันธุ์เพื่อมาเพาะพันธุ์ภายในประเทศก่อนการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ

ทั้งที่ไทยเองก็มีศักยภาพในการเพาะพันธุ์ปลาอยู่แล้ว เช่น ปลานีออน
ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ชนิดปลาที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง นอกจากเหนือจาก
ปลากัด ปลาหางนกยูง ปลาน้ำผึ้ง และปลากินตะไคร่น้ำ
ในขณะที่ปัจจุบันจีนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลานีออนที่ใหญ่ที่สุดในโลก




-หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกปลาสวยงามมีเพียงสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ
กรมประมง
ซึ่งภาระหน้าที่ของสถาบันฯ ดังกล่าวมีเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในด้านการตรวจสอบรับรองมาตรฐานฟาร์ม
การควบคุมและป้องกันโรคระบาด การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์สัตว์น้ำสวยงาม
ดังนั้นควรมีการประสานงานให้หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเหลือในด้านการส่งเสริมการส่งออก
โดยเฉพาะการจัดงบประมาณสนับสนุนในการออกร้าน
หรืองานแสดงมหกรรมสัตว์น้ำในต่างประเทศ
เพื่อให้ลูกค้าในต่างประเทศได้เห็นศักยภาพและสิทธิภาพของผู้ประกอบการไทยมากยิ่งขึ้น




-ยังไม่มีการเก็บแยกข้อมูลชนิดของปลาสวยงามไว้อย่างชัดเจน เช่น
มีการรายงานปริมาณการส่งออกเป็นน้ำหนักเท่านั้น เพิ่งเริ่มแยกเป็นลูกปลา
ปลาน้ำจืดสวยงาม และปลาทะเลสวยงาม ในปี 2550
แต่ก็ยังไม่มีการแยกชนิดหรือตระกูลปลาสวยงามที่ส่งออก เป็นต้น
ดังนั้นถ้าต้องการใช้ข้อมูลในด้านการส่งออกให้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจปลาสวยงามควรมีการเก็บแยกชนิดของปลาสวยงามที่ส่งออก
และรายงานปริมาณการส่งออกเป็นตัวแทนการรายงานเป็นน้ำหนัก
ทั้งนี้จะทำให้เห็นทิศทางการพัฒนาการเพาะเลี้ยงได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ
การเก็บปริมาณการผลิตแยกชนิดของปลาสวยงาม
ทำให้ทราบถึงสถานการณ์ในปัจจุบันและแนวทางการขยายปริมาณการผลิตในอนาคต



โดยปัจจุบันวงการค้าปลาสวยงามแยกการผลิตปลาสวยงามออกเป็นดังนี้



กลุ่มแรกเป็นปลาที่มีปริมาณและคุณภาพเพียงพอแล้ว ได้แก่ ปอมปาดัวร์สายพันธุ์เดิม
หางนกยูงสายพันธุ์เดิม หมอสีสายพันธุ์เดิม และปลาไทยบางชนิด





กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มปลาที่มีปริมาณผลผลิตยังไม่เพียงพอได้แก่ ปอมปาดัวร์สายพันธุ์ใหม่
หางนกยูงสายพันธุ์ใหม่ ปลาไทยชนิดใหม่ ซึ่งได้แก่ ปลาหมอสีสายพันธุ์ใหม่
ปลากัด ปลาเทวดา กลุ่มปลากระดี่ ปลาคาร์ฟเกรดเอ ปลาทองเกรดบี




ส่วนกลุ่มที่สามเป็นปลาสวยงามที่ต้องปรับปรุงคุณภาพ ได้แก่
ปลาทองเกรดเอ ปลาคาร์ฟเกรดบี-ซี นอกจากนี้
การแยกชนิดปลาสวยงามที่ส่งออกให้ชัดเจนจะทำให้ทราบว่าปลาสวยงามชนิดใดมีการส่งออกมาก
ปลาสวยงามชนิดใดกำลังเริ่มเป็นที่นิยม
รวมทั้งทำให้ทราบว่าประเทศคู่แข่งของปลาสวยงามแต่ละชนิดนั้นเป็นประเทศใด
เช่น ปลาหางนกยูงนั้นไทยต้องแข่งกับสิงคโปร์และศรีลังกา
ส่วนคู่แข่งที่กำลังมาแรงคือ มาเลเซีย เป็นต้น
ธุรกิจปลาสวยงามนั้นยังมีช่องว่างทางการตลาดที่สามารถแทรกตัวขยายธุรกิจได้
โดยเฉพาะปลาสวยงามที่เป็นปลาน้ำจืด
สำหรับปลาสวยงามที่เป็นปลาทะเลนั้นปัจจุบันไทยกำหนดไม่ให้ส่งออกและนำเข้า
แต่ไทยควรเริ่มพิจารณาธุรกิจการส่งออกปลาทะเลสวยงาม
เนื่องจากปัจจุบันไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงปลาทะเลสวยงามในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว
ปัจจุบันสำหรับประเทศที่ครองตลาดส่งออกปลาทะเลสวยงามคือฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
ในส่วนแหล่งที่มีการซื้อขายปลาทะเลสวยงามคือแถบลุ่มแม่น้ำอะเมซอน โคลัมเบีย
มลรัฐฟลอริดาในสหรัฐฯ และสิงคโปร์



การพัฒนาทั้งทางด้านการผลิตและการตลาดปลาสวยงามของไทย
และปัญหาอุปสรรคดังที่กล่าวมาแล้ว
ถ้าหากทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันและมีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาธุรกิจปลาสวยงามอย่างชัดเจน
ทั้งในด้านบทบาทของแต่ละฝ่ายที่จะเอื้อต่อการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจปลาสวยงาม
นับว่าจะช่วยเพิ่มทั้งปริมาณและมูลค่าการส่งออกปลาสวยงามให้เป็นสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มสดใส
เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกปลาสวยงามของไทยให้สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆที่กำลังเร่งพัฒนาธุรกิจปลาสวยงามเพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดโลกทั้งปัจจุบันและอนาคต



Reference :
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, บจก



จากข้อมูลที่ได้นำมาแสดงให้ดูหมายความว่าตลาดปลาสวยงามยังคงสดใสอยู่ในระดับที่เป็นไปได้
แม้นจะมีคู่
แข่งเพิ่มมากขึ้นแต่ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติของเราที่มีอยู่ย่อมทำให้เราสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรงในธุรกิจนี้
และหากใครมีคอมพิวเตอร์เราก็สามารถเปิดตลาดขายปลาสวยงามออนไลน์ต่อชาวโลกได้อย่างไม่อยากเย็นอะไร
ทั้งจากการทำเวปไซด์เองหรือการใช้บริการเวปฟรีต่างๆ
เพราะบนโลกออนไลน์ตอนนี้ตลาดการค้าออนไลน์กำลังเจริญเติบโตสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจโลก
บริษัทยักษ์ระดับโลกต่างลงมาทำตลาดด้านนี้กันมากขึ้น
อีกทั้งความสะดวกรวดเร็วที่สามารถเข้าถึงลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนนี่เอง
ทำให้ผมคิดว่าเราในฐานะคนชอบเลี้ยงปลาหากต้องการจะทำเงินจากสิ่งที่เรารักก็ไม่ใช่เรื่องอยากเลย
ไว้วันหลังผมจะมาเล่าวิธีการทำการค้าออนไลน์บนโลกอินเตอร์เน็ทให้ฟังครับ
อย่าลืมคลิกเข้ามาดูมาชมกันบ่อยๆและอุดหนุนช่วยเหลือโฆษณากันบ้างนะครับ


วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การเลี้ยงปลาตู้สวยงาม เรื่องตู้ปลา fish

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม


หายหน้าหายตาไปเพราะมีเรื่องอื่นๆให้ทำเยอะครับเลยไม่มีเวลามาปรับปรุงบล็อกนี้สักเท่าไหร่
เอาล่ะคราวนี้ตั้งใจแล้วว่าจะพยามปรับปรุงข้อมูลข่าวสารของบล็อกนี้ทุกเดือนเพื่อจะได้ไม่เงียบเหงา
และอย่างที่เคยบอกไว้นะครับหากใครมีข้อมูลเด็ดเรื่องปลาสวยงามหรือสัตว์เลี้ยงก็สามารถแนะนำหรือเมล์มาคุยกันได้เพราะผมเองก็ไม่ใช่พหูสูตอะไรที่จะรอบรู้หรือไปทุกเรื่อง เอาเป็นว่าพอจะรู้อะไรก็เอามาเล่าแนะนำกันในบล็อกนี้ก็แล้วกัน


ครั้งที่แล้วผมพูดถึงเรื่องของอุปกรณ์เริ่มต้นในการเลี้ยงปลาที่เราต้องเตรียมเอาไว้นั่นคือตู้ปลา
และครั้งนี้จะมาคุยกันต่อเรื่องตู้ปลาเพราะมันยังไม่จบ(เรื่องเยอะจังแฮะ)



เมื่อเราได้ตู้ปลาที่จะเลี้ยงปลาแล้วเราก็ต้องหาอุปกรณ์เสริมซึ่งโดยปกติทางร้านจะมีมาให้
นั่นก็คือโฟม หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องใช้แผ่นโฟมด้วย ก็อยากจะบอกกันว่ามันจำเป็นเพราะโฟมนั้นมีหน้าที่ในการกระจายแรงกดของน้ำในตู้ปลา บางครั้งพื้นที่ๆเราวางตู้ปลาไม่ว่าจะเป็นขาตั้ง หรือบนชั้นต่างๆที่เรานำตู้ปลาไปวางอาจจะไม่ราบเรียบเป็นระนาบเดียวกันหรืออาจมีรอยนูน
เอียง ไม่เสมอกัน หากเรานำตู้ปลาไปวางก็จะเกิดแรงกดทับบริเวณนั้นเป็นจุดเดียว และไม่มีอะไรมารองรับแรงกดตรงนั้นตู้ปลาราคาแพงของเราก็จะแตก ดังนั้นโฟมจึงเป็นตัวรองรับน้ำหนักและแรงกดทับที่อาจจะไม่สม่ำเสมอกันนั่นเอง
ตรงนี้อาจจะมีคนถามว่าเราไม่ใช้โฟมได้มั้ย เอาพวกผ้าหรืออะไรที่นุ่มๆมารองแทน ผมคิดว่ามันก็คงได้แต่ไม่เหมาะครับ เพราะโฟมเป็นวัสดุที่ขึ้นรูปมามีความแข็งแรงแต่อ่อนนุ่มและปรับตัวเองได้ตามแรงกดที่เกิดขึ้น ต่างจากวัสดุอย่างอื่นข้อสำคัญโฟมราคาไม่แพงครับ ดังนั้นเมื่อเราซื้อตู้ปลาแล้วก็ควรจะเอาโฟมมาด้วยแต่มีข้อเตือนกันนิด นั่นคือหากตู้ปลาเรามีขนาดใหญ่และเราจะตบแต่งใส่วัสดุลงไปทำให้ตู้มีน้ำหนักมากขึ้นควรใช้โฟมที่หนาๆหน่อยนะครับ หรือหากไม่ชัวร์ก็ใช้สองชั้นเลยก็ได้ไม่ว่ากัน

และอุปกรณ์อีกอย่างที่เกี่ยวกับตู้ปลานอกจากจะใช้เพื่อความจำเป็นแล้วก็ยังเพื่อความสวยงามด้วย นั่นก็คือฝาปิดตู้ปลา สำหรับตู้ปลาธรรมดาที่เราหาซื้อตามร้านขายอุปกรณ์เลี้ยงปลามักจะมีมาให้แต่จะเป็นแบบฝาปิดธรรมดา ซึ่งที่จริงก็ใช้ได้ครับ เพราะประโยชน์หลักของมันคือเอาไว้กันฝุ่นละลองและกันปลากระโดดออกมาตากอากาศนอกตู้ฮี่ๆๆ...(อย่างของผมเลี้ยงปลาฉลามหางไหม้ไว้ในบ่อแบบรองปูน พอเผลอจริงแล้วสะเพร่าไม่หาอะไรมาวางป้องกัน พี่ปลาแกออกมานอนตากแดดเล่นซะงั้น...)

แต่สำหรับผู้ที่ต้องการมากว่าเหตุผลที่บอกก็มีฝาปิดตู้ปลาที่จำหน่ายแยกออกไปนอกจากประโยชน์หลักๆแล้วฝาพวกนี้จะมีความสวยงามกว่าแบบสำเร็จที่ให้มากับตู้ปลา และสามารถใช้เก็บอุปกรณ์อย่างอื่นได้อีกด้วย อย่างเช่นปั๊มลม สายไฟ ซึ่งทำให้ดูไม่เกะกะรกสายตาและฝาบางอันก็สามารถติดหลอดไฟได้ สำหรับหลอดไฟนี่วันหลังผมจะมาคุยให้ฟังว่านอกจากมันจะมีประโยชน์ที่ทำให้สวยงามแล้วมันยังมีประโยชน์อะไรอีกสำหรับตู้ปลาของเราอีกบ้าง




เอาล่ะครับวันนี้หมดมุขแค่นี้ก่อนแล้วกันนะเอาไว้วันหลังจะหาเรื่องเด็ดเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาตู้มาเล่าให้ฟัง อย่างที่บอกครับหากใครมีข้อมูลมีเรื่องเด็ดๆเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาก็แนะนำกันได้โดยจะเมล์มาก็ได้ หรือจะให้คอมเม้นท์ในบล็อกก็ได้













วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ตู้ปลาเรื่องที่หลายคนมองข้าม

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,
ตู้ปลาตอนที่1
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากเราต้องการเลี้ยงปลาตู้สวยงามก็มักจะตรงไปยังแหล่งขายปลาสวยงามพร้อมกับเลือกซื้อหาปลาที่ชื่นชอบมาเลี้ยง โดยเราจะพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ปลาและปลา..เป็นอย่างแรก
ดังนั้นในหนึ่งวันของการตองการมีปลาตู้มาเลี้ยงไว้ประดับบ้าน เราจะหมดไปกับปลาและการเดินเลือกหาซื้อปลาซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอย่างที่ผมบอกเพียงแต่มันไม่ถูกต้องเท่านั้นเอง
เพราะความจริงแล้วหากคุณต้องการเลี้ยงปลาตู้สวยงามสิ่งแรกที่เราควรซื้อกลับไม่ใช่ปลา แต่มันคือบ้านปลา หรือตู้ปลา นี่คือสิ่งแรกที่เราต้องซื้อและเตรียมให้พร้อมก่อนที่จะลงมือเลี้ยงปลาสวยงาม
หลายครั้งที่ผมมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมเวปไซด์เวปบอร์ดของผู้ที่ต้องการเลี้ยงปลาสวยงามมักจะมีคำถามเกี่ยวกับตู้ปลาเสมอๆว่าควรเป็นอย่างไร และแน่นอนครับทุกคำถามก็มีคำตอบอาจจะถูกบ้างผิดบ้างมั่วบ้างแต่ก็ล้วนมาจากความหวังดีของสังคมออนไลน์ แต่นั่นก็มักจะเป็นคำถามที่มาหลังจากที่เราได้ซื้อปลามาแล้ว และนี่คือสิ่งที่ผมจะตั้งคำเพื่อเราจะไปค้นหาคำตอบกัน ระหว่างตู้ปลากับปลา เรานึกถึงอะไรก่อน
เพราะหากเรานึกถึงปลาก่อนเราก็ไปซื้อปลาแต่ไม่ได้ตู้ปลา อ้าว...บ้างคนก็บอกว่าเราก็ซ้อตู้ทีหลังสิ แต่มันก็จะมีคำถามกลับมาอีกว่าแล้วตู้แบบไหนล่ะที่เหมาะกับปลาที่คุณจะเลี้ยง เพราะปลามันมีนิสัยที่ต่างกัน
หลายคนโดยเฉพาะมือใหม่หัดเลี้ยงมักจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตู้ปลา ขนาดและความเหมาะสมของตู้ปลาว่ามันควรมีขนาดเท่าไหร่ และจะเลี้ยงปลาได้กี่ตัว
ตู้ปลาโดยทั่วไปที่วางขายตาร้านขายปลามีหลายขนาดครับ ตั้งแต่เล็กจนไปถึงใหญ่บะระเหิ้ม ซึ่งทำให้ผู้นิยมเลี้ยงปลาปวดหัวกันมาแล้วว่าไอ้ตู้ขนาดไหนดีวะมันถึงจะเหมาะสม แล้วปลาที่เลี้ยงมันจะมีความสุขไม่อึดอัดเหมือนคนโดนขัง ฮื่ม....สงสัยล่ะสิ
โดยหลักแล้วตู้ปลาที่เหมาะสมที่สุดในการเลี้ยงปลาก็คือ ตู้ขนาด48นิ้ว เพราะมันจะมีขนาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป มีพื้นที่ให้ปลาว่ายน้ำได้ มีสภาพใกล้เคียงธรรมชาติและอุณหภูมิน้ำในตู้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป อย่าลืมนะครับปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น(ไม่ใช่คนเลือดเย็นนะ)ดังนั้นการปรับตัวของมันจึงเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของน้ำ หากน้ำในตู้เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ปลาก็อาจปรับตัวไม่ทันทำให้ป่วยและอาจจะตายในที่สุด
แล้วก็มาถึงข้อสงสัยของหลายคนว่าตู้ปลาขนาด48นิ้ว มันจะเลี้ยงปลาได้กี่ตัว เพราะว่าตู้มีขนาดใหญ่น่าจะเลี้ยงปลาได้เยอะเหมือนกันใส่ไปเหอะอย่าให้มันแน่นเกินไปก็พอ โฮ่ๆๆ...ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหากคุณคิดแบบนั้นหรือว่ามีใครบอกคุณแบบนั้น
อย่าลืมนะครับปลามีนิสัยที่ต่างกันดังนั้นก่อนที่เราจะเอาปลามาเข้าตู้เลี้ยงเราต้องเข้าใจก่อนว่านิสัยของปลาเป็นอย่างไร แล้วจึงมาคำนวณว่าเราจะเลี้ยงปลาอะไรและกี่ตัวดีในตู้ใบนี้ การใส่ปลาลงในตู้นั้นที่จริงเรามีสูตรคำนวนความเหมาะสมของจำนวนปลาตามความจุของน้ำในตู้ปลาเป็นหลักครับ โดยเรามีสูตรคิดง่ายๆแบบนี้ ความจุน้ำ3ลิตรเลี้ยงปลาความยาวไม่เกิน1นิ้ว หากเราคิดแบบนี้เราจะทราบว่าตู้ใบนี้ของเราจะเลี้ยงปลาได้กี่ตัว...อ้าว...เหวอกันอีก เพราะมีบางคนสงสัยว่าแล้วจะไปรู้ได้ไง(ฟะ)ว่าตู้มันใส่น้ำได้กี่ลิตร ผมมีสูตรคำนวณมาให้อีก ฮิๆๆวันนี้มีแต่เรื่องการคำนวณ สูตรก็คือ กว้างxยาวxสูง แล้วหารด้วย0.016 เพียงเท่านี้เราก็จะได้ปริมาตรความจุของน้ำในตู้ปลาใบนั้นแล้วครับ
เห็นมั้ยครับที่จริงแล้วการเลี้ยงปลาตู้สวยงามมันก็มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เราไม่ควรมองข้าม ซึ่งหากเราใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ปลาเราก็จะมีความสุขและมีอายุที่ยืนยาว
สำหรับเรื่องตู้ปลานั้นยังไม่หมดแค่นี้นะครับมันยังมีอีกเพียงแต่ตอนนี้ผมเขียนแค่นี้ก่อน อย่าลืมนะครับการเลี้ยงปลานั้นเรื่องตู้ปลาสำคัญมาก ไม่ว่าเราอยากจะเลี้ยงปลาอะไรเราต้องศึกษานิสัยของปลาแล้วก็มาเตรียมตู้ปลาให้พร้อมก่อนที่จะหาปลามาเลี้ยง และตู้ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่มันก็มีสูตรเดียวกันในการคำนวณความเหมาะสมในการเลี้ยงปลา เราเลี้ยงปลานะครับเพื่อความสวยงามนะครับ ไม่ใช่เอาพวกเขามาทำปลากระป๋องสำหรับคุณๆทุกคนหากมีคำแนะนำติชมก็ยินดีนะครับ และหากใครมีอะไรจะเล่าหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็ยินดีครับ แนะนำกันได้ที่การแสดงความคิดเห็นด้านล่างครับ

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ปลาปีศาจ ในลำน้ำสยาม

siamese fighting fish,betta fish,fancyfish,Fighting fish,Betta splendens,fancy fish,gold fish,arowana,pet,pet shop,dog,dog training,cat,ปลาสวยงามของไทย,ปลากัด,ปลาหางนกยูง,ปลาหมอสี,ปลาทอง,ปอมปาดัวร์,อะโรวาน่า,ข่าวสารปลาสวยงาม,การเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม,ธุรกิจปลาสวยงาม,





เมื่ออาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวตลาดน้ำลำพญา จ.นครปฐม ที่นี่เป็นตลาดน้ำเล็กๆที่ผู้คนไม่มากนักอาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ภายในตลาดจะเห็นก็มีเพียงร้านอาหารและร้านขายผักพื้นบ้าน แต่ที่ผมจะมาพูดถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องตลาดน้ำแห่งนี้ แต่ผมจะมาพูดถึงเรื่องมุมมองของชาวบ้านคนหนึ่งที่สะท้อนถึงคนที่ชอบเลี้ยงปลาอย่างพวกเรา
ที่ตลาดน้ำแห่งนี้มีเรือนำนักท่องเที่ยวล่องแม่นำท่าจีน ซึ่งเป็นเรือมาด เรือพายแบบโบราณที่มีอายุร่วมร้อยปีไม่ใช่แพแบบที่เห็นกันทั่วๆไป ซึ่งค่าลงเรือก็ไม่แพงครับและผมเองก็เลือกที่จะลงเรือล่องแม่น้ำท่าจีน โดยเรือลำที่ผมลงนั้นคนพายเป็นคุณลุงวัย60กว่าแล้ว แกเล่าว่าแกอาศัยและอยู่กินกับแหล่งน้ำนี้มาตั้งแต่เกิด ผมก็เลยถือโอกาสถามเรื่องเกี่ยวกับสัตว์น้ำต่างๆซึ่งคุณลุงก็เล่าว่าสมัยนี้ปลามีน้อยต่างจากสมัยก่อนที่มองไปทางไหนก็เห็นปลาดำผุดดำว่ายกันเต็มไปหมด เรียกว่ามีปลาหลายนิดให้จับมาทำเป็นอาหารที่เหลือก็ขายได้อย่างไม่ลำบาก แต่ในปัจจุปันมันไม่เหมือนเดิมเพราะว่าปลามันโดนทำลาย โดยเฉพาะปลากรายที่วันนี้แทบจะหายไปแล้วจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพราะ "ปลาต่างถิ่น" มันมากเกินไป
อะไรคือปลาต่างถิ่น หลายๆคนอาจจะสังสัยแล้วปลาต่างถิ่นมันมาจากไหน ผมลองตั้งคำถามนี้กับคุณลุงพายเรือ " มันก็มาจากความมักง่ายของคนไงไอ้หนู " นี่คือคำตอบที่คุณลุงพายเรือตอบกับผม ใช่...ผมยอมรับเรื่องความมักง่ายของคน...คนเลี้ยงปลาสวยงามอย่างพวกเรานี่ล่ะ ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบส่วนนี้ไปได้เลย คนเลี้ยงปลาสวยงามอย่างผมอย่างคุณนี่ล่ะที่ทำลายสายพันธุ์ปลาพื้นเมือง แล้วปลาต่างถิ่นคืออะไร เมื่อก่อนผมมักจะพูดกับเพื่อนที่เลี้ยงปลาว่าปลาพวกนี้หากมันอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติของเราพวกมันถือเป็น เอเลี่ยนสปีซี่ย์ หรือบางครั้งผมก็เรียกมันว่าสายพันธุ์ปีศาจ เพราะปลาพวกนี้เมื่อมันอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติมันคือนักทำลายสายพันธุ์ปลาพื้นบ้านของเรา
แล้วพวกสายพันธุ์ปีศาจเหล่านี้มีอะไรบ้าง...ที่จริงมันไม่ใช่ปลาที่เราไม่คุ้นเคยเลย มันก็เป็นปลาที่เรานักเลี้ยงปลาตู้รู้จักนั่นล่ะ เช่น ปลาซักเกอร์ หรือบางคนเรียกปลาเทศบาล ปลาหมอสี ปลาเอดิเตอร์ ปลาเรดเทล และอีกหลายๆชนิด แล้วทำไมผมถึงบอกว่าปลาพวกนี้มันเป็นปลาปีศาจ มันก็แค่ปลาสวยงามที่มีซื้อขายกันทั่วไป ก่อนอื่นผมของบอกก่อนนะครับ ผมไม่ได้โจมตีหรือรังเกียจปลาพวกนี้ เพราะปลาเหล่านี้บางตัวผมก็เลี้ยงเอาไว้ เพียงแต่ผมอยากจะบอกว่าปลาพวกนี้ไม่ใช่ปลาพื้นบ้านมันจึงไม่อยู่ในระดับของห่วงโซ่อาหารของแหล่งน้ำธรรมชาติบ้านเรา ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนพวกนอกกฏหมายพร้อมจะแหกกฏและอยู่เหนือกฏ ดังนั้นเมื่ออยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติมันจึงไม่ต้องสนใจกฏของห่วงโซ่อาหาร พวกมันจึงสามารถทำลายและโจมตีสายพันธุ์ปลาพื้นบ้านของเราที่ไม่ได้วางกฏป้องกันปลาพวกนี้
ผมขอยกตัวอย่างปลาซักเกอร์ที่เรานิยมเลี้ยงเพื่อช่วยกำจัดปฏิกูลและทำความสะอาดตู้ปลาของเรา แต่เมื่อปลาพวกนี้ตัวโตรูปร่างไม่น่ารักเอาเสียเลยดังนั้นคนเลี้ยงปลาตู้หลายคนจึงไม่อยากจะเลี้ยงปลาหน้าตาพิลึกพวกนี้ เมื่อไม่อยากเลี้ยงและด้วยความรักปลาจึงเอามันไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพราะถือว่าเป็นการทำบุญไปในตัว ทั้งที่จริงแล้วเราไม่รู้เลยว่ามันสร้างบาปให้กับธรรมชาติของเรา เพราะเมื่อปลาพวกนี้ลงไปอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยพฤติกรรมการหากินของมันที่จะดูดอาหารตามขอนไม้หรือก้อนหินใต้น้ำและแน่นอนสิ่งที่ปลาพวกนี้หากินมันก็เป็นที่เพาะฟักของไข่ปลาพื้นบ้านของเราอีกหลายชนิด เช่น ปลากราย ปลาตองอ่อน แล้วอะไรจะเหลือเมื่อปลาพื้นบ้านเหล่านี้ไม่เคยมีศัตรูทางธรรมชาติแบบนี้ เราคนไทยนิยมบริโภคเนื้อปลากรายแต่เราไม่บริโภคเนื้อปลาซักเกอร์ไม่ใช่หรือ นอกจากนั้นยังมีปลาอย่างปลาหมอสี ซึ่งหากมันอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ปลาพื้นบ้านอย่างปลาตะเพียนก็คงจะสูญพันธุ์ไปในไม่นาน เพราะปลาสองสายพันธุ์นี้เป็นอริกัน และนิสัยก็ต่างกันปลาหมอสีเป็นนักล่ากินเนื้อและหวงไข่แต่ปลาตะเพียนไม่ เพราะมันจะไข่ไว้เป็นแพตามไม้น้ำหรือกองผักตบชวา และเมื่อปลาหมอสีเจอก็เรียบร้อย เมื่อโตขึ้นปลาสองชนิดนี้จะแย่งแหล่งอาหารกันและปลาหมอสีที่ดุดันกว่า ก้าวร้าวกว่า ตัวใหญ่กว่า และกินเก่งกว่า ก็จะกำจัดคู่แข่งจนสูญพันธุ์ เราจะกินปลาหมอสีกันไหมหรือจะกินต้มยำปลาตะเพียน และตัวอย่างสุดท้ายนี่อาจจะพบน้อยแต่ก็เคยพบที่แม่น้ำเจ้าพระยา นับว่าน่ากลัวมาก เพราะมันคือปลาเอดิเตอร์ นักล่าขนานแท้ อย่าลืมหากมันอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติมันอาจโตได้ถึง2เมตร แม่เจ้า...คิดกันเอาเองนะครับ
แล้วเราจะทำยังไงกับปลาที่เราไม่อยากเลี้ยงแล้วล่ะ คำถามแบบนี้ผมตอบบ่อยครั้งและทุกครั้งจะมีเสียงด่าเสมอแต่ก็ขอยืนยันที่จะตอบแบบเดิมคือ
1.ขายต่อหากคุณไม่อยากเลี้ยง แม้นจะไม่ได้ราคาก็เหอะ
2.ให้เพื่อนให้ญาติที่เขาอยากเลี้ยงและคิดว่าเลี้ยงได้ดี
3.กำจัดมันทิ้งซะ...ข้อนี้ล่ะครับผมโดนด่ามากที่สุด
แต่เชื่อเถอะครับหากคุณไม่ทำลายมันเพียงอ้างว่าสงสารฉันเป็นคนใจดีมีเมตตา ลองกลับไปถามประมงน้ำจืด ชาวบ้านและเหล่าปลาพื้นบ้านดู ว่าข้ออ้างของคุณมันขาดความรับผิดชอบขนาดไหน
วันนี้ผมคุยกับคุณลุงพายเรือฟังแกเล่าถึงอดีตที่ผ่านมา พูดถึงปัจจุปันที่กำลังเป็นไปและชี้ให้เห็นอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้นสังขารของแกร่วงโรย สายตาไม่ดีเหมือนเดิมแต่ความคิดสามัญสำนึกแกเต็มเปี่ยมกว่าผมกว่าคุณ....กว่าคนเลี้ยงปลาสวยงามใช่หรือเปล่า...ถามตัวเองครับ